ผอ.กิ่วลมติงนายอำเภอแจ้ห่ม
ทดลองใช้สารชีวภัณฑ์ในอ่างเก็บน้ำกิ่วลมไม่ขออนุญาตอาจมีผลเสีย
แนะให้มาทดลองร่วมกับโครงการฯ เพราะเตรียมสถานที่ไว้แล้ว
หากได้ผลชัดเจนและไม่มีผลกระทบ พร้อมที่จะเสนอผู้ว่าฯอนุมัติ
ขณะเดียวกันปัญหาจอกหูหนูที่เกิดที่อ่างเก็บน้ำแม่ตีบ จ.ลำพูน
ยังคงไม่สามารถแก้ปัญหาได้
นายกเทศมนตรีมะเขือแจ้ ยันใช้สารชีวภัณฑ์แล้วจอกตาย
แต่ไม่มีงบประมาณดำเนินการ จอกหูหนูจึงแพร่เต็มผืนน้ำเหมือนเดิม
เมื่อวันที่
14 ม.ค.58 ที่ผ่านมา นายสันติ นฤมิตร
นายอำเภอแจ้ห่ม ได้ทำการทดลองสารชีวภัณฑ์กำจัดจอกหูหนู
บริเวณท่าแพสำเภาทอง ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทางเกษตรอำเภอแจ้ห่ม เทศบาลตำบลบ้านสา
ผู้ใหญ่บ้านสาแพะ และชาวแพสำเภาทอง
โดยได้นำไม้ไผ่จำนวน 600 ลำ
ช่วยกันกั้นพื้นที่จอกหูหนูที่กระจายอยู่ในอ่างเก็บน้ำ และทดลองใช้สารชีวภัณฑ์ฉีดพ่นลงไปที่จอกหูหนูในอ่างเก็บน้ำจำนวนหนึ่ง
โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณ 1 แสนบาท
จากบริษัทปูนซิเมนต์ไทยลำปาง จำกัด
ว่าที่ร้อยตรีดุจเดี่ยว
วงศ์ภักดิ์ เกษตรอำเภอแจ้ห่ม เปิดเผยว่า การทดลองใช้สารชีวภัณฑ์ ได้สาธิตเพียง 1
ถังประมาณ 10 ลิตร โดยฉีดพ่นลงไปที่จอกหูหนู จากนั้นอีก 3 วันก็จะมาติดตามผล สำหรับสารชีวภัณฑ์ดังกล่าวได้สั่งมาจาก จ.เชียงราย
ซึ่งรับรองว่าไม่มีผลข้างเคียงกับสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศอย่างแน่นอน
นอกจากนี้
ลานนาโพสต์ได้สอบถามไปยัง นายฤทัย พัชรานุรักษ์
ผอ.โครงการส่งน้ำกิ่วลมและกิ่วคอหมาว่าทราบเรื่องการทดลองใช้สารชีวภัณฑ์หรือไม่ นายฤทัย กล่าวว่า ทางนายอำเภอแจ้ห่มไม่ได้มีการแจ้งให้ทางตนทราบแต่อย่างใด
แต่ที่ทราบเนื่องจากมีคนสอบถามเข้ามาที่ตนหลายคน
จึงได้นั่งเรือตรวจสอบพื้นที่ในอ่างเก็บน้ำ และเดินทางไปที่ท่าแพสำเภาทอง
ก็ได้พบกับนายอำเภอโดยได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกันในเบื้องต้นว่า
ตนเองเคยคุยกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดและประมงจังหวัดไปก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือน
ธ.ค. 57
ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมาเปิดโครงการทำปุ๋ยหมัก
ซึ่งก็ได้รายงานเรื่องสารชีวภัณฑ์ให้ทางผู้ว่าฯได้รับทราบ ทางผู้ว่าฯ
กับประมงจังหวัดได้กล่าวว่า
การใช้สารต่างๆไม่ว่าจะเป็นสารชีวภัณฑ์หรือสารสมุนไพรใดก็ตาม
หากไม่มีผลยืนยันที่ชัดเจนและไม่ได้รับการรับรองผลก็ไม่ควรนำมาใช้
เพราะอาจจะได้รับผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในน้ำและระบบนิเวศ
จนกว่าจะมีการรับรอง ในเรื่องนี้ตนได้ชี้แจงให้นายอำเภอได้เข้าใจ
เพราะการทดลองใช้สารชีวภัณฑ์ทางนายอำเภอก็ไม่ได้มีการขออนุญาตกับทาง
โครงการฯก่อน
หากมีผลกระทบเกิดขึ้นก็จะต้องรายงานให้กับทางผู้ว่าฯทราบ
ผอ.โครงการฯ
กล่าวต่อไปว่า ในเรื่องของการทดลองการใช้สารชีวภัณฑ์ที่กล่าวถึงกันนี้ ทางโครงการฯได้มีการเตรียมสถานที่ทดลองไว้
เป็นสระน้ำที่อยู่ภายในโครงการโดยได้มีการนำจอกหูหนูมาเลี้ยงไว้รวมกับปลาในสระ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนก็ได้ประสานไปยังผู้ใหญ่บ้านสาแพะว่าขอให้นำสารชีวภัณฑ์มาทำการทดลองในสระที่เตรียมไว้ร่วมกับทางโครงการฯ
เพื่อจะได้ติดตามผล ซึ่งจะต้องเห็นผลจริงและชัดเจน ให้เกิดความมั่นใจได้ว่าทำแล้วไม่กระทบกับปลาที่อยู่ในสระ
และจอกหูหนูตายจริง ก็จะรายงานให้ผู้ว่าฯทราบ หากผู้ว่าฯอนุญาตให้ใช้ก็สามารถทำได้
เมื่อสอบถามถึงปัญหาจอกหูหนูที่ยังคงแพร่กระจายอยู่กลางอ่างเก็บน้ำ นายฤทัย กล่าวว่า
จากการตรวจสอบแล้วพบว่าตอนนี้ยังกระทบไม่มาก
ทางเรือแพยังสามารถล่องผ่านกลางแม่น้ำได้ โดยจะได้ทำการล้อมกรอบจอกหูหนูใหม่
เนื่องจากไม้ไผ่ที่นำมาล้อมไว้ครั้งแรกไม่แข็งแรงจึงทำให้แตกออกมา นอกจากนี้ทางโครงการได้ทำการสำรวจจุดที่พบปัญหา
นำรายละเอียดต่างๆไปลงพิกัดในแผนที่ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน และนำไปคำนวณพื้นที่ในการขอสนับสนุนงบประมาณเข้ามาดำเนินการในปีนี้
ในส่วนพื้นที่เดิมที่ยังไม่แล้วเสร็จก็ยังมีเรือกำจัดวัชพืชและโป๊ะแม็คโครดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง
ลานนาโพสต์ยังได้สอบถามไปยัง
นายวัฒนา จันทนุปาน นายกเทศมนตรีตำบลมะเขือแจ้ จ.ลำพูน เนื่องจากที่อ่างเก็บน้ำแม่ตีบ
บ้านหนองหอย หมู่ 10 ต.มะเขือแจ้ จ.ลำพูน
ได้ประสบปัญหาจอกหูหนูแพร่กระจายเต็มอ่างเก็บน้ำเช่นเดียวกับเขื่อนกิ่วลม ซึ่งเคยมีการทดลองใช้สารชีวภัณฑ์มาแล้วเมื่อปี 56 แต่ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาจอกหูหนูได้
และแพร่กระจายไปเต็มพื้นที่อ่างเก็บน้ำทั้งหมด 435 ไร่
นายกเทศมนตรีตำบลมะเขือแจ้ เปิดเผยว่า
ปัญหาจอกหูหนูของอ่างเก็บน้ำแม่ตีบเกิดขึ้นเมื่อปี 54
คาดว่ามาจากกลุ่มคนที่ตกปลานำเข้ามาและเกิดการแพร่กระจายจำนวนมาก
ซึ่งทางชลประทานได้ใช้งบประมาณ 3
ล้านเข้ามาดำเนินการตักจอกหูหนูขึ้นแต่ก็ไม่ได้ผล ทางเทศบาลฯทราบว่ามีสารชีวภัณฑ์ในการกำจัดจึงได้ติดต่อเข้ามาทำการทดลอง
ซึ่งในตอนนั้นทางผู้ผลิตสารชีวภัณฑ์ก็ได้เข้ามาทดลองให้ฟรี
โดยไม่ได้เสียค่าใช้จ่าย จึงได้ทำการกั้นพื้นที่ในอ่างเก็บน้ำไว้ 1 งาน ทดลองฉีดสารชีวภัณฑ์ลงไป ปรากฏว่าจอกหูหนูได้แห้งและตายลงภายใน 7 วันจริง แต่เนื่องจากทางเทศบาลฯติดปัญหาเรื่องงบประมาณ
ซึ่งหากต้องใช้เงินจำนวนมากต้องขออนุมัติผ่านสภาเทศบาลฯ
ประกอบกับทางชลประทานไม่เห็นด้วยกับการใช้สารดังกล่าวจึงต้องยกเลิก
ไป
และก็ไม่เห็นว่าจะมีวิธีใดเข้ามาแก้ปัญหาได้
ทุกวันนี้ก็ยังมีจอกหูหนูกระจายอยู่เต็มอ่างเก็บน้ำมองเห็นเป็นเขียวเต็ม
พื้นที่อ่างทั้งหมด
435 ไร่ โดยในปี 58 เทศบาลได้ตั้งงบประมาณเพื่อเข้ามากำจัดจอกหูหนู 5
แสนบาท เป็นค่าน้ำมัน ค่ารถ ที่จะนำมาโกยและตักจอกขึ้นจากน้ำ
รวมทั้งจะประสานขอเรือจากกรมโยธาเข้ามาช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1012 ประจำวันที่ 16 - 22 มกราคม 2558)