วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ขอย้ายด่วนเสาโทรศัพท์


เสาโทรศัพท์พ่นพิษ ชาวบ้านนาก่วมใต้ล่ารายชื่อส่งจังหวัดขอให้สั่งรื้อถอนเสาส่งสัญญาณ หลังชาวบ้านในหมู่บ้านเกิดเจ็บป่วยหลายโรค และเสียชีวิตแล้วหลายราย  ด้านชาวบ้านหนองแมงดา ต.พิชัย บุกถึง กสทช. ขอคำตอบ ทำไมเสาโทรศัพท์จึงสร้างเสร็จ ทั้งที่จังหวัดมีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง  ด้าน ผอ.กสทช.ภาค 3 นัดประชุมชาวบ้านทำความเข้าใจแล้ว

ชุมชนนาก่วมใต้ ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง พบว่ามีเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ของบริษัทเอกชน สูง 30 เมตร ตั้งใจกลางหมู่บ้านนานเกือบ 10 ปี  โดยชาวบ้านในหมู่บ้านมีอาการป่วยหลายรายมานานหลายปี เมื่อไปพบแพทย์ จึงสอบถามว่าในหมู่บ้านมีเสาโทรศัพท์ตั้งอยู่หรือไม่ อาจจะเป็นผลมาจากคลื่นรบกวน จึงนำเรื่องกลับมาแจ้งให้ผู้นำชุมชนทราบ และได้ประสานหัวหน้าฝ่ายควบคุมอาคารเข้าตรวจสอบว่าขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ กระทั่งได้มีการล่ารายชื่อคนทั้งหมู่บ้านเพื่อส่งให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ขอให้สั่งรื้อถอนโดยเร็ว

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 26 ก.ค.58 นางพิกุล สัจจามรรค ประธานชุมชนนาก่วมใต้ พร้อมกลุ่มชาวบ้านประมาณ 20 คน นำนายวิสิทธิ์ ดวงแก้ว  หน.ฝ่ายควบคุมอาคาร สำนักงานเทศบาลนครลำปาง น.ส.ภารดี เสรานนท์ รองปลัดเทศบาลฯ เข้าตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 11 ซอย 9 ตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้าน เพื่อดูการติดตั้งเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือสูง 30 เมตร ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบและสอบถามเจ้าของที่ดินว่ามีการขออนุญาตอย่างถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ เนื่องมาจากได้มีชาวบ้านหลายรายที่มีบ้านเรือนอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับจุดที่ตั้งเสาร้องเรียนไปยังสำนักงานเทศบาลนครลำปางว่าได้รับผลกระทบจากคลื่นส่งสัญญารบกวน ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบมีนายทองสุข เสลภูมิ อายุ 66 ปี อดีตพนักงานขับรถ รพช.ร่วมอยู่ด้วย

นายทองสุข อ้างว่า เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้วตนเองเริ่มมีอาการเดินเซและวิงเวียนศีรษะอยู่เป็นประจำ แต่มาระยะหลังๆนี้อาการก็เริ่มหนักขึ้นทุกวัน หลังตื่นนอนตอนเช้าและมีอาการอาเจียนเป็นบางครั้ง เมื่อทนไม่ไหวจึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยทางแพทย์ได้สอบถามตนว่าในตัวมีวัตถุที่เป็นเหล็กอยู่ในตัวด้วยหรือไม่ ซึ่งตนเองก็บอกไปว่าเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน ขณะทำงานขับรถสร้างทางของ รพช.เคยโดนระเบิดมาแล้วครั้งหนึ่ง และทุกวันนี้บนศีรษะของตนก็ยังคงมีสะเก็ดระเบิดที่ผ่าตัดออกไม่ได้ฝั่งอยู่ด้วย แต่สะเก็ดระเบิดที่ฝั่งอยู่ในหัวไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆต่อระบบประสาท หรือทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป ตนจึงไม่ได้ผ่าตัดเอาออกแต่อย่างใด ส่วนที่ตนเกิดอาการวิงเวียนศีรษะอยู่เป็นประจำในระยะหลังนี้ อาจจะเกิดจากเกิดจากมีคลื่นสัญญาบางอย่างไปกระทบกับเศษโลหะที่ฝั่งอยู่ในหัวทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะก็เป็นได้ ตนจึงนึกขึ้นได้ว่าบ้านของตนเองปลูกอยู่ติดกับเสาส่งสัญญาโทรศัพท์มือถือที่มาติดตั้งเอาไว้เมื่อเกือบสิบปีที่แล้วก็เป็นได้ ตนจึงได้กลับมาสอบถามเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันอีกหลายหลัง จึงทราบว่า เพื่อนบ้านหลายรายก็มีอาการป่วยเช่นเดียวกับตน ส่วนใหญ่จะเป็นโรงมะเร็งและทยอยเสียชีวิตไปแล้วถึง 12 รายด้วยกันในระยะ 4-5 ปีนี้  ส่วนที่กำลังเจ็บป่วยอยู่ในขณะนี้ก็ยังมีอยู่อีก 8 รายที่เกิดจากโรคมะเร็ง อีกส่วนหนึ่งก็เกิดมีอาการเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ เช่น เจ็บปวดตามร่างกาย เดินไม่ได้ ซึ่งทุกคนต่างก็เชื่อว่า เกิดมาจากการได้รับคลื่นรบกวนจากการส่งสัญญาณของโทรศัพท์มือถืออย่างแน่นอน จึงได้นำเรื่องไปร้องเรียนกับประธานชุมชนและสำนักงานเทศบาลนครลำปาง ให้เข้ามาตรวจสอบพร้อมกับขอร้องให้เป็นตัวกลางในการเจรจากับบริษัทดังกล่าวให้รื้อเสาส่งสัญญาออกไปจากหมู่บ้านโดยด่วน

หลังทำการตรวจสอบแล้วนายวิสิทธิ์ ดวงแก้ว หน.ฝ่ายควบคุมอาคารเทศบาลนครฯ ได้กล่าวว่า เบื้องต้นแล้วได้ประสานไปยังเจ้าของที่ดินที่อนุญาตให้บริษัทเอกชนเข้ามาติดตั้งเสาส่งสัญญาณ ว่ามีการขออนุญาตกับทางสำนักงานเทศบาลอย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งทางเจ้าของที่ดินได้ตอบรับมาแล้วว่า ทางบริษัทฯได้ทำการตกลงขอเช่าพื้นที่ติดตั้งเสาส่งสัญญาณอย่างถูกต้อง และเป็นผู้เดินเรื่องขออนุญาตไปยังสำนักงานเทศบาลนครฯเองทั้งหมด ตั้งแต่ปี 2551 ส่วนรายละเอียดต่างๆนั้นทางเจ้าของที่ดินได้ส่ง น.ส.ภาสุรีย์ ขัดทะเสมา ผู้เป็นน้องสาวมาพบกับเจ้าหน้าที่ที่รออยู่ตรงจุดติดตั้งเสาสัญญาณ
           
น.ส.ภาสุรีย์  กล่าวว่า พี่สาวได้ให้บริษัทฯเช่าพื้นที่ติดตั้งเสาส่งสัญญาณจริง และในสัญญาระบุว่า ทุก 3 ปี จะมีการต่อสัญญาครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ก็มีการต่อสัญญากันมาแล้ว 2 ครั้งด้วยกัน ส่วนในครั้งที่ 3 นี้สัญญาจะสิ้นสุดลงประมาณกลางปี 2559 ที่จะถึงนี้ แต่หากทางชาวบ้านเห็นว่าการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น เกิดจากถูกคลื่นรบกวน ตนเองก็จะไปพูดคุยกับพี่สาว ให้ทำการยกเลิกไม่ต่อสัญญากับทางบริษัทฯต่อไป ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ต้องการให้เพื่อนบ้านรวมทั้งตัวเองซึ่งมีลูกสาวและลูกชายถึง 2 คน  ยังปลูกบ้านอยู่ใกล้กับเสาส่งสัญญาณดังกล่าว   อาจจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย ซึ่งทางชาวบ้านต่างก็พอใจในการพูดคุยในระดับหนึ่ง แต่ยังต้องการให้ทางบริษัทฯทำการรื้อถอนเสาส่งฯออกไปให้เร็วที่สุด และไม่แน่ใจว่าทางบริษัทฯจะกระทำตามคำขอของชาวบ้านหรือไม่ จึงพากันแบ่งสายออกล่ารายชื่อชาวบ้านในชุมชนทั้งหมดที่มีอยู่กว่าหนึ่งพันคน ก่อนมอบให้กับประธานชุมชนนำไปมอบให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ขอให้สั่งรื้อถอนเสาส่งฯออกไปจากชุมชนได้ โดยที่ชาวบ้านทุกคนไม่ต้องการค่าเยียวยาหรือค่ารักษาอาการเจ็บป่วยแต่อย่างใด                
           
นอกจากนั้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวบ้านหนองแมงดา หมู่ 5 ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง ได้รวมตัวกันเดินทางไปยังสำนักงาน กสทช.เขต 3 ลำปาง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกรณีการก่อสร้างเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ของบริษัทเอกชน หลังจากที่ชาวบ้านได้ยื่นร้องเรียนเรื่องดังกล่าวไปยังศูนย์ดำรงธรรมว่าไม่ต้องการให้เสาโทรศัพท์เข้ามาตั้งในหมู่บ้าน เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับผลกระทบจากการส่งคลื่นสัญญาณโทรศัพท์ ทำให้มีผลด้านสุขภาพ  โดยวันที่ 6 พ.ค. 58 ทางศูนย์ดำรงธรรม ได้มีมติแล้วว่าให้ทางบริษัทฯยุติการก่อสร้าง แต่ปรากฏว่าทางบริษัทฯยังได้ดำเนินการก่อสร้างเสาโทรศัพท์จนเสร็จแล้ว  ชาวบ้านจึงต้องการให้ กสทช.สั่งให้รื้อถอนเสาดังกล่าว เพราะเข้าใจว่า กสทช.มีอำนาจสั่งการได้
           
นายธีรัช เพ็ชรหิน  พนักงานปฏิบัติการระดับสูง สำนักงาน กสทช.เขต 3 กล่าวว่า  จากกรณีที่ชาวบ้านหนองแมงดามาร้องเรียนที่ กสทช.ดังกล่าว เนื่องจากต้องการให้ กสทช.สั่งรื้อถอนเสาโทรศัพท์ที่สร้างออก แต่ตามอำนาจแล้วทาง กสทช.ไม่มีอำนาจในการสั่งรื้อถอนได้  จะสามารถทำได้เฉพาะในเรื่องการขออนุญาตมี ใช้ ตั้ง สถานีเครื่องส่งสัญญาณ  ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทฯก็ยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตเข้ามา ส่วนการขออนุญาตก่อสร้างนั้น เป็นอำนาจของเทศบาลเมืองพิชัย แต่จะไปบังคับให้รื้อก็ไม่ได้ เพราะการขออนุญาตถูกต้อง  แต่ในเรื่องนี้ทางนายฉลาด อาสายุทธ ผอ.กสทช.ภาค 3 ได้มีการเรียกประชุมผู้ประกอบการเกี่ยวกับเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ทั้งหมด รวมทั้งเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม  เทศบาลเมืองพิชัย และ อบต.พิชัย ที่ห้องประชุม กสทช.เขต 3  เพื่อรับทราบถึงปัญหาของแต่ละฝ่าย  ซึ่งได้พูดคุยกันถึงมติการประชุมของศูนย์ดำรงธรรมที่สั่งให้มีการระงับการก่อสร้างไปก่อน แต่ทางบริษัทฯอ้างว่าไม่ได้รับหนังสือ จึงไม่ทราบว่าให้หยุดก่อสร้าง ประกอบกับผู้รับเหมาต้องการเบิกเงินตามงวดงานจึงได้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ จึงทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่พอใจ ทาง ผอ.กสทช.ภาค 3 ได้มีคำสั่งให้เรียกประชุมชาวบ้าน และผู้ประกอบการมาพูดคุยกันอีกครั้งในวันที่ 4 ส.ค.นี้
           
นางมยุเรศ แลวงศ์นิล ผู้ประสานงานศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จ.ลำปาง  กล่าวว่า  การร้องเรียนเรื่องเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ จ.ลำปาง มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 52 ไม่ต่ำกว่า 100 ราย แต่ระยะหลังจะมีการร้องเรียนเป็นกลุ่มชุมชนเข้ามา ช่วงเดือน มิ.ย.58 มีร้องเรียนมา 2 แห่ง คือที่บ้านหนองแมงดา ต.พิชัย และที่ อบต.วังใต้ อ.วังเหนือ  ซึ่งชาวบ้านได้ตื่นตัวในเรื่องสุขภาพของตัวเองมากขึ้น ได้มีการศึกษาหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับผลกระทบของการก่อสร้างเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ โดยมีการอ้างอิงจากผลการวิจัยขององค์การอนามัยโลกประกาศเมื่อวันที่  31  พฤษภาคม  พ.ศ.  2554  แล้วว่า คลื่นแม่เหล็กจากโทรศัพท์มือถือ (รวมทั้งคลื่นแม่เหล็กจากเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่ติดบนดาดฟ้าอาคารต่างๆ  เป็นความเสี่ยงเป็นมะเร็งสมองชนิด  2  บี สมองเสื่อม  สายตาพร่ามัว  มะเร็งทรวงอก  ตลอดเวลา  อ่อนเพลีย  นอกจากนั้นยังมีผลการวิจัยอื่นๆออกมาอีกมากมาย  ทางศูนย์ฯจึงได้ให้คำแนะนำกับชาวบ้านว่า การขออนุญาตในการตั้งเสาสัญญาณจะต้องมีการทำความเข้าใจและทำประชาคมในหมู่บ้านก่อน ซึ่งหากชาวบ้านไม่ยินยอมก็ไม่สามารถก่อสร้างได้

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1039  วันที่ 31 กรกฏาคม - 6 สิงหาคม 2558)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์