วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560

“เสือพเนจร” ห้วยขาแข้ง เยือนเมืองเถิน ลำปาง ทุกอย่างก้าวบนผืนป่า คือการหาทางอยู่รอด


จำนวนผู้เข้าชม Hit Web Stats

จากกรณีการพบเสือโคร่งเพศผู้ น้ำหนักร่วม 200 กิโลกรัม ในพื้นที่ ต.แม่ถอด อ.เถิน จ.ลำปาง ได้รับบาดเจ็บเข้ามาหลบอยู่ในไร่มันสำปะหลังของชาวบ้าน และได้วนเวียนอยู่ในพื้นที่มานานหลายเดือน เนื่องจากชาวบ้านพบรอยเท้าเสือขนาดใหญ่อยู่บ่อยครั้ง แต่กลับไม่เคยพบเห็นเสือตัวดังกล่าว จนกระทั่งเสือลำบากตัวนี้ ร่างกายเริ่มอ่อนล้าจากการได้รับบาดเจ็บ จึงมาอาศัยหลับนอนอยู่ในไร่มันสำปะหลัง เจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังช่วยกันจับตัวไว้ได้ เมื่อวันที่ 9 ม.ค.60 ที่ผ่านมา   และจากการตรวจสอบที่มาในเบื้องต้นพบว่าเสือตัวนี้มาจากป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี  หากวัดระยะทางทางรถยนต์ พบว่ามีระยะห่างกันกว่า 400 กิโลเมตรเลยทีเดียว  นอกจากนี้ ยังได้มีการตั้งข้อสังเกตจากสื่อสังคมออนไลน์ ในชื่อกลุ่มลำปางซิตี้ว่า เสือตัวนี้มาจากห้วยขาแข้งจริงหรือไม่  เดินทางมาได้อย่างไร?
           
ผู้สื่อข่าว ได้พูดคุยกับ ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านเสือโคร่ง ได้รับการยืนยันว่า เสือโคร่งตัวดังกล่าวมาจากป่าห้วยขาแข้งจริง  ซึ่งหลังจากทราบข่าวได้มีการติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอให้ส่งภาพถ่ายด้านข้างตัวของเสือมาตรวจสอบ เนื่องจากเสือโคร่งจะมีเอกลักษณ์คือลายที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เหมือนลายนิ้วมือของคน  เมื่อได้ภาพถ่ายมาแล้วจึงทำมาเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลที่มีอยู่ ก็พบว่าเป็นตัวเดียวกัน

“เสือตัวนี้มีรหัส HKT178 เป็นเสือตัวผู้เป็นลูกของแม่เสือชื่อแฟนซี ซึ่งเป็นเสือที่อยู่ในโครงการศึกษา น่าจะเกิดตอนปี 2552 ในปีต้นปี 2554 ถ่ายภาพครั้งแรกในพื้นที่ บริเวณตอนเหนือของเขตฯห้วยขาแข้ง ปลายปี 2554 เดินทางไป อช.แม่วงก์  ปลายปี 2555 ถ่ายภาพยังอาศัยอยู่ในแม่วงก์หลังจากนั้นก็ไม่พบอีกเลย”

ส่วนเรื่องการเดินทางของเสือ  ดร.ศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า  เป็นเรื่องปกติ เริ่มมีการเก็บข้อมูลในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา และมีตัวอย่างในเสือบางตัว พบว่าเสือมีศักยภาพในการเดินทาง ใน 1 เดือน สามารถเดินทางได้ถึง 250 กิโลเมตร  ไม่จำเป็นต้องเป็นป่าใหญ่ต่อเนื่องกัน อาจจะมีการเดินเฉียดไปในพื้นที่โล่งบ้างหรือที่มีป่าปกคลุมบ้างสลับกันไป  จากการเริ่มศึกษาเสือโคร่งวัยรุ่น ไม่เพียงแต่เสือเพศผู้ แต่พบเสือสาวชื่อ ข้าวจี่  ซึ่งได้ข้อมูลจากการใส่ปลอกคอดาวเทียม แสดงให้เห็นว่า ในรอบหนึ่งเดือนที่เร่ร่อนหาพื้นที่หากิน ข้าวจี่ได้มีการเดินทางไกลเป็นระยะขจัดราว 240 กิโลเมตร  ถ้าเป็นระยะทางเคลื่อนที่จริงอาจไกลถึง 400 กิโลเมตร  และมีการเดินข้ามพรมแดนไปยังพม่าด้วย  ดังนั้นจึงไมใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด ที่เสือหนุ่มตัวนี้จะเดินทางไกลจากห้วยขาแข้งไปถึง อ.เถิน จ.ลำปาง 

ผู้เชี่ยวชาญด้านเสือโคร่ง  กล่าวอีกว่า  เสือพวกนี้เรียกว่า เสือพเนจร  เป็นพฤติกรรมของเสือที่จะย้ายถิ่นฐานออกไป หากมีเสือตัวอื่นยึดพื้นที่อยู่ เสือพเนจรก็จะท่องป่าไปเรื่อยๆ ซึ่งป่าแถว จ.ลำปางนั้นไม่น่าจะมีเสืออาศัยอยู่ประจำถิ่น  เสือจะสร้างครอบครัวยาก เพราะเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์  และมีคนอาศัยอยู่มากกว่า   เสือที่พบที่ จ.ลำปางตัวนี้ สันนิษฐานว่าอาศัยอยู่มานานกว่า 2  ปีแล้ว เคยมีรายงานการพบร่องรอยเสือมาก่อนหน้านี้ไม่น้อยกว่า 2 ปี คาดว่าน่าจะเป็นตัวเดียวกัน  

ดร.ศักดิ์สิทธิ์  กล่าวว่า  ประเด็นเรื่องค้าสัตว์ป่านั้นไม่มีทางเป็นไปได้  การจะล่าเสือสักตัวไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ  การแบกเสือที่มีน้ำหนัก 200 กิโลกรัม ต้องใช้คนถึง 10 คน  และต้องมีกรงใส่ที่แข็งแรง เพราะฉะนั้นเส้นทางในป่าที่จะทำการขนย้ายนั้นไม่เอื้ออำนวยแน่นอน  หากวิ่งตามเส้นทางปกติคงไม่สามารถผ่านด่านตรวจไปได้  ในเรื่องนี้เป็นที่น่ากังวลว่าคนส่วนใหญ่มักจะใช้จินตนาการกันเอง โดยไม่ใช้ข้อมูลเป็นส่วนประกอบ
           
ข้อแนะนำหากพบเสือ เสือป่ากลัวคน ถ้าเห็นคนก็จะหลบเลี่ยง ซึ่งจะเห็นว่าเสือตัวนี้ไม่เคยมีข่าวทำร้ายคนมาก่อน เพราะฉะนั้น หากพบเห็นเสือให้เลี่ยงออกห่าง และรายงานให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที จะได้ผลักดันกลับเข้าป่า   แต่ที่อยากจะเตือนคือเสือบ้านหรือเสือเลี้ยงที่น่ากลัวกว่า เสือบ้านไม่กลัวคน เพราะคุ้นเคยกับคน จึงไม่เห็นด้วยอย่างมากที่จะนำเสือบ้านไปปล่อยในป่า 
           
สุดท้าย ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ  กล่าวฝากว่า การที่มีเสือหมายถึงการมีป่าที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อป่าอุดมสมบูรณ์ก็ช่วยลดภัยพิบัติต่างๆได้ และเสือไม่ได้ดุร้ายอย่างที่คิด

ภูษณิศา สัญญารักษกุล

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1113 วันที่  20 - 26 มกราคม 2560 )
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์