วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2561

มายาคติ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ในสังคมฟองสบู่ !

จำนวนผู้เข้าชม Counter for tumblr

ข่าว “ตีแผ่พฤติกรรมแสบ ทัวร์ศูนย์เหรียญ เชื้อโรคร้ายการท่องเที่ยวไทย-จีน  กำราบหัวโจก..หมดสิ้นทัวร์ด้อยคุณภาพ” ของ น.ส.พ.เดลินิวส์ เป็นข่าวดีเด่น รางวัลอิศรา อมันตกุล ประจำปี 2559 

กองบรรณาธิการเดลินิวส์ อธิบายว่า แม้ในช่วงแรกของการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญจะทำให้ยอดนักท่องเที่ยวจากจีนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของการท่องเที่ยว  เนื่องจากเป็นการคัดเลือกนักท่องเที่ยวที่มีเงินจับจ่ายใช้สอยจริงๆมาท่องเที่ยว

ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต   บอกว่าในปี 2558 หนึ่งปีก่อนการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ มีนักท่องเที่ยวจีนในเมืองไทยเกือบ 8 ล้านคน  สร้างรายได้ให้คนไทยราว 371,000 ล้านบาท ข่าวหน่วยงานราชการไทยจับทัวร์จีนในเมืองไทย สร้างความสับสนให้แก่ชาวจีนมาก
หนังสือพิมพ์เฉิงตู  เมืองที่คนจีนมาเที่ยวประเทศไทยมากที่สุด เตือนชาวจีนหลีกเลี่ยงมาเที่ยวเมืองไทย เนื่องจากความสับสนว่า เมื่อทางการไทยยึดรถทัวร์หลายพันคัน นั่นหมายความว่าทัวร์จีนจะอลหม่านกับการไม่มีรถเดินทาง

หลังกระแสข่าวทัวร์ศูนย์เหรียญ นักท่องเที่ยวจีนลดลงกว่า 50 % ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง มัคคุเทศก์ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก พังพาบทั้งระบบ ผู้บริหารบริษัทโอเอที่ทำธุรกิจนี้มายาวนาน  ถูกตั้งข้อหาหนัก เป็นอั๊งยี่  เพื่อให้เข้ามูลฐานความผิดฟอกเงิน เป็นเงื่อนไขในการยึดทรัพย์ อีกทั้งเป็นข้อหาที่ทำให้การพิจารณาให้ประกันตัวเป็นเรื่องยากเย็น

พวกเขาถูกคุมขังยาวนาน ระหว่างคดี ในขณะที่พนักงานบริษัทนับพัน คนทำงานในธุรกิจต่อเนื่องอีกหลายพันคน  ต้องตกงาน

ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 คือ 1.เป็นสมาชิกของคณะบุคคล  2.ปกปิดวิธีดำเนินการ 3.มีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นการเขียนกฎหมายให้สอดคล้องกับบริบทสังคมยุคหนึ่ง มาถึงปัจจุบันความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ แต่ใช้อ้างเพื่อยึดทรัพย์คนได้

อั้งยี่ ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึงสมาคมลับของคนจีน” อั้งยี่เป็นสมาคมลับของคนจีนที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์จะช่วยเหลืออนุเคราะห์กลุ่มชาวจีนด้วยกันเอง ต่อมาสมาคมเหล่านี้ดำเนินงานอย่างไร้ระเบียบ ก่อปัญหารุนแรงขึ้นหลายครั้งจนทางการต้องใช้อำนาจขั้นเด็ดขาดเข้าจัดการ และใช้กฎหมายบังคับ

ขณะที่ผู้บริหารบริษัทโอเอ ดำเนินธุรกิจเปิดเผย ทำมาหากินสุจริต สร้างฐานะด้วยความอดทนและเหนื่อยยากยาวนาน และลักษณะ ขนาดของธุรกิจ และรูปแบบการดำเนินธุรกิจ ก็ไม่แตกต่างไปจากกลุ่มธุรกิจ M , J และ S  แต่บริษัทเหล่านั้น กลับไม่ได้เป็นอั้งยี่ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นความร้ายแรงระดับชาติที่ต้องจัดการถึงที่สุดอย่างบริษัทโอเอ

ผู้การโจ๊ก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ตร.ท่องเที่ยว ผู้เอาการเอางาน ขยันขันแข็งอย่างยิ่งในการจัดการกับบริษัทโอเอ วันนี้กลับเงียบสนิท ไม่แสดงราคาความเป็นมือปราบผู้สามารถในการจัดการทัวร์ศูนย์เหรียญอีก

โดยเฉพาะหลังจากที่ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง คดีอั้งยี่ และข้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับข้ออ้างว่าจำเลยทำให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และศาลแพ่งมีคำสั่งยกคำร้องอัยการให้ยึดทรัพย์จำเลย อันเป็นผลมาจากการตั้งข้อหาอั้งยี่ ด้วยเหตุผลในตอนหนึ่งของคำวินิจฉัยของศาล

“ทรัพย์สินที่ถูกยึดและอายัดไว้นั้น จะเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานอั้งยี่ เป็นความผิดมูลฐานที่จะต้องให้ตกเป็นของแผ่นดินหรือไม่ ศาลเห็นว่า ผู้ร้องมีพยานเพียง 3 ปากเบิกความเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของบริษัท ฝูอัน ฯ และบริษัทซินหยวน ฯกับกลุ่มผู้คัดค้าน แต่พยานเหล่านั้นไม่ได้ลงไปตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของผู้คัดค้านด้วยตนเอง อีกทั้งไม่เคยได้รับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวหรือเจ้าหน้าที่กรมการท่องเที่ยวแต่อย่างใด แม้ผู้ร้องจะมีเอกสารอ้างว่ามีการร้องเรียนผ่านสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย แต่เอกสารดังกล่าวก็เป็นเพียงการสรุปจำนวนและประเภทข้อพิพาทของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ไม่เกี่ยวกับกลุ่มของผู้คัดค้านแต่อย่างใด”

สังคมเชื่อง่าย ทำให้เกิดภาพมายาที่เชื่อกันต่อๆมาว่า ทัวร์ศูนย์เหรียญคือความเลวร้ายของประเทศนี้ ทั้งที่ความเป็นจริง ไม่เคยมีทัวร์ศูนย์เหรียญเกิดขึ้นในประเทศไทยเลย

 (หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1169 วันที่ 2 - 8 มีนาคม 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์