เซ็นฟ้าแลบสายไฟใต้ดิน ก่อนชวด 39 ล้าน กิตติภูมิ จ้าง กฟภ.เริ่มทำก่อนสิ้นปี

จำนวนผู้เข้าชม

กิตติภูมิเซ็นสัญญาแบบฉิวเฉียด จ้างงานกับ กฟภ.ลำปาง โครงการสายไฟลงดิน ก่อนงบ 39 ล้านเศษ ตกเข้าเงินสะสม กฟภ.ลำปางยันได้เกิดแน่ คาดลงพื้นที่ดำเนินการได้ไม่เกินสิ้นปีนี้ เทศบาลเตรียมแถลงข่าวความคืบหน้าโครงการ

โครงการ “ก่อสร้างปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นแบบเคเบิลใต้ดิน บริเวณถนนบุญวาทย์”  ซึ่งเป็นโครงการตามนโยบายการหาเสียงของนายกิตติภูมิ นามวงค์  นายกเทศมนตรีคนปัจจุบัน ซึ่งประชาชนชาวลำปาง ได้ให้ความสนใจและติดตามโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง กระทั่งทางเทศบาลนครลำปาง ได้ร่วมทำบันทึกข้อตกลงกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค วันที่ 5 ก.ย.59   แต่หลังจากทำบันทึกข้อตกลงผ่านมานานกว่า 2  ปี  ขณะนี้ก็ยังไม่เริ่มดำเนินการแต่อย่างใด

ดังนั้น จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าโครงการดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เนื่องจากเทศบาลได้มีการยื่นเรื่องเข้าสภาเทศบาลนครลำปาง เพื่อขอกันเงินงบประมาณมาแล้ว 1 ครั้ง   ซึ่งขณะนี้ได้หมดปีงบประมาณไปแล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ย.61 ที่ผ่านมา  นายกเทศมนตรีไม่ได้มีการยื่นเรื่องขอกันเงินงบประมาณในโครงการนี้แต่อย่างใด และหากไม่ได้ดำเนินการใดๆ งบประมาณที่ขอไว้ 39.2  ล้านบาท ก็จะต้องตกไปอยู่ในส่วนของเงินสะสม  โครงการนี้ก็จะไม่ได้เกิดอีกต่อไป

ลานนาโพสต์ได้ติดตามความคืบหน้าโครงการดังกล่าว กระทั่งล่าสุด ได้รับรายงานว่า เทศบาลนครลำปาง ได้มีการเซ็นสัญญาว่าจ้างกับทาง กฟภ.ลำปาง เป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะหมดปีงบประมาณเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น จึงได้สอบถามข้อเท็จจริงไปยังนายกิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง  ซึ่งนายกิตติภูมิ กล่าวยืนยันว่า มีการเซ็นต์สัญญาแล้ว ให้รอแถลงข่าว  และปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในประเด็นอื่นๆ  

ขณะที่นายอุดมศักดิ์ หิรัณยตระกูล ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดลำปาง  เปิดเผยว่า  น่าจะได้ดำเนินโครงการกันต่อไป ในส่วนของ กฟภ.ลำปาง และเทศบาลได้เซ็นสัญญากันไปแล้วเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องใบสั่งจ้างงาน  ซึ่งการดำเนินการเรื่องบริษัทรับเหมาเป็นส่วนของ กฟภ.ส่วนกลาง  ส่วน กฟภ.ลำปาง จะเป็นผู้ประสานงานกับทางเทศบาล  กฟภ.ส่วนกลาง และส่วนอื่นๆในพื้นที่

เดิมติดปัญหาหลายเรื่อง ได้เคลียร์ปัญหาไปเรียบร้อยแล้ว  แต่ยืนยันได้เลยว่าโครงการได้เกิดแน่นอน อยู่ระหว่างการดำเนินการเรื่องเอกสารต่างๆ ในเดือนตุลาคมนี้น่าจะลงพื้นที่ได้ ในรายละเอียดที่แน่ชัดยังไม่ได้คุยกับทางเทศบาล ซึ่งต้องรอทางเทศบาลแถลงข่าวอีกครั้ง  นายอุดมศักดิ์ กล่าว

นายจาตุรงค์ พรหมศร  เลขานุการสภาเทศบาลนคร กล่าวว่า การก่อหนี้สามารถทำได้ภายในวันที่ 30 ก.ย.61 เมื่อก่อหนี้แล้วจะต้องทำเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณให้ทันภายในวันที่ 30 ก.ย.61ด้วย แต่ในกรณีที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทัน มีระเบียบที่ให้อำนาจของนายกเทศมนตรีที่จะขอให้ขยายการเบิกจ่ายไปอีก 1 ปี และหากไม่ทันอีกก็ต้องขออำนาจจากสภาเทศบาลเพื่อขยายการเบิกจ่ายไปได้อีก 6 เดือน

ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ฉิวเฉียดมาก เพราะงบประมาณที่เทศบาลขอกันไว้สำหรับโครงการสายไฟ 39.2 ล้านบาท จะต้องตกไปเป็นเงินสะสม หากเลยในวันที่ 30 ก.ย.61  และเมื่อดูตามวาระที่เข้าประชุมสภาเทศบาลครั้งล่าสุดนั้น ก็ไม่มีการนำเรื่องนี้เข้าสภาเพื่อขอกันงบไว้  ซึ่งได้มาทราบข่าวภายหลังว่าทางนายกเทศมนตรีได้เซ็นสัญญาจ้างกับ กฟภ.แล้วไม่กี่วันก่อนที่จะหมดปีงบประมาณเท่านั้น จึงถือว่ารอดหวุดหวิด เพราะหากงบตัวนี้ตกไปทางสภาเทศบาลคงไม่มีการอนุมัติให้ผ่านอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน  แต่อย่างไรก็ดี ต้องดูรายละเอียดในสัญญาอีกครั้งว่าเป็นการก่อหนี้หรือไม่

สำหรับโครงการ “ก่อสร้างปรับปรุงระบบไฟฟ้าเป็นแบบเคเบิลใต้ดิน บริเวณถนนบุญวาทย์” จะดำเนินงานก่อสร้างระบบสายไฟฟ้าเคเบิลใต้ดินระยะทางกว่า 1.46 กิโลเมตร โดยทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ตกลงในการที่จะรับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างระบบท่อเคเบิลใต้ดิน รับผิดชอบงานระบบโยธา งานวางระบบไฟฟ้าและย้ายสายเคเบิลระบบจำหน่ายกระแสไฟฟ้าแบบเดิมลงสู่ท่อใต้ดิน พร้อมรื้อถอนระบบไฟฟ้าเดิมให้แล้วเสร็จ  โดยสนับสนุนงบประมาณ 50.6 ล้านบาทเศษ  ส่วนของเทศบาลนครลำปาง จะรับผิดชอบในการขออนุญาตใช้พื้นที่ เป็นผู้ประสานงานดำเนินการเรื่องขอย้ายและรื้อถอนสายระบบสื่อสารเดิมที่พาดโยงอยู่ตามแนวเสาไฟฟ้า โดยใช้งบของเทศบาลจำนวน 39.2 ล้านบาทเศษ  รวมเป็นงบประมาณกว่า  90 ล้านบาท  

และได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแบบบูรณาการ ระหว่างเทศบาลนครลำปาง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไปเมื่อวันที่ 5 ก.ย.59  และในส่วนของ กฟภ. ได้มีการออกแบบหาผู้รับจ้างได้เรียบร้อยแล้ว คือ บริษัท เด็มโก้ จำกัด(มหาชน)  กระทั่งโครงการดังกล่าวต้องหยุดชะงักไป เนื่องจากทาง สตง.ได้ท้วงติงภารกิจและอำนาจหน้าที่ของเทศบาลนครลำปาง นายกิตติภูมิจึงต้องยื่นเรื่องหารือไปยังกระทรวงมหาดไทย และล่าสุดได้มีการเซ็นสัญญาจ้างดังกล่าว

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1199 วันที่ 5 - 11 ตุลาคม 2561)