วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

อภิสิทธิ์ชน คนมีสี

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

รื่องราวในแบบนายไกรรัตน์ วีรพัฒนาสุวรรณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ที่ภาคใต้ มิใช่เรื่องใหม่ หากเป็นปรากฎการณ์ปกติ ที่รับรู้กันอยู่ โดยเฉพาะระหว่างตำรวจกับศาล ไม่ต้องถึงขนาดเป็นอธิบดี เป็นหัวหน้าศาล เป็นเพียงศาลธรรมดาๆ ก็เป็นใบเบิกทาง ที่ตำรวจเกรงใจ ไม่กล้าตอแยด้วยแล้ว

ไม่ต้องใช้อภิสิทธิ์ ไม่ต้องกล่าวคำใด แค่รู้ว่าเป็นศาล ตำรวจก็โบกมือผ่าน หรือรู้ภายหลังก็เช่นเดียวกัน เพียงครั้งนี้ผิดไป ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ด่านตรวจ พื้นที่ สภ.ทุ่งใหญ่ นครศรีธรรมราช กลับมีการกระทบกระทั่งกับ เพื่อนโชค และปรากฎคลิปภาพเหตุการณ์ แพร่กระจายไปทั่วโซเชียลมีเดีย เรื่องเล็กๆ ที่สังคมนี้เห็นเป็นปกติ จึงลุกลามใหญ่โตไปจนถึง คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.)

นายสราวุธ เบญจกุล เลขานุการ ก.ต.เซ็นหนังสือ เรียกนายไกรรัตน์ มาชี้แจงข้อเท็จจริง ในขณะที่ ก.ต.ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ก่อนที่จะส่งให้คณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (อ.ก.ต.) พิจารณากลั่นกรอง ก่อนทำความเห็นส่ง ก.ต.พิจารณาต่อไป ขมวดปมเรื่องนี้แล้ว “ม้าสีหมอก” ฟันธงได้เลยว่า ที่สุดจะกลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง

เพราะเหตุการณ์ที่บานปลายไปจนถึง ผกก.สั่งย้าย ตร.ที่ปะทะคารมกับผู้พิพากษา อยู่นอกเหนืออำนาจของผู้พิพากษา เป็นดุลพินิจของตำรวจใหญ่ในพื้นที่ อีกด้านหนึ่ง ถ้าจะถือเป็นความผิดของผู้พิพากษาที่ไม่ยอมให้ตรวจใบขับขี่ เขาก็มีสิทธิที่จะปฏิเสธ ถ้าตำรวจไม่มีเหตุที่จะต้องตรวจ และในสถานการณ์จริงที่ปรากฎในคลิป ก็ไม่พบว่า มีเหตุที่จะขอตรวจใบขับขี่แต่อย่างใด

แน่นอนว่า การอ้างสถานะทางสังคม ตำแหน่งหน้าที่ใดๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกบังคับใช้กฎหมายเช่นเดียวกับคนอื่นๆ เป็นเรื่องไม่ถูกต้องและสมควรต้องถูกประณามอย่างยิ่ง แต่ในบางกรณีถึงแม้จะมีการอ้างเช่นนั้น ก็อาจจำเป็นต้องพิจารณาเหตุผล และแง่มุมอื่นๆ ที่อาจทำให้ความคิดนั้นเปลี่ยนไป

พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 42 บัญญัติว่า ผู้ขับรถต้องได้รับใบอนุญาตขับรถ และต้องมีใบอนุญาตขับรถและสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถในขณะขับเพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงานได้ทันที คำว่ามีใบอนุญาตขับรถ หรือใบขับขี่ที่แสดงได้ทันที มีคำพิพากษาศาลฎีกาอธิบายว่า มิได้หมายความว่า ให้อำนาจเจ้าพนักงานมีอำนาจเรียกตรวจสอบได้ทุกกรณี จะเรียกตรวจสอบได้เฉพาะมีเหตุสงสัยเท่านั้น ตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้

การใช้อำนาจเกินเลยของเจ้าพนักงาน ย่อมต้องถูกปฏิเสธได้ เมื่อไม่มีเหตุอันควรสงสัยตามกฎหมายที่จะทำการตรวจค้นได้ การตรวจค้นจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในคำพิพากษาฉบับนี้ วินิจฉัยว่าจำเลยซึ่งถูกกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิโต้แย้งและตอบโต้เพื่อป้องกันสิทธิของตนตลอดจนเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งใดๆ อันสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบดังกล่าวได้

เมื่อแสดงตนถึงหน้าที่การงานและให้ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เป็นเจตนาที่แสดงถึงความสุจริตที่สามารถถูกตรวจสอบได้ จึงไม่มีเหตุสงสัยที่จะเรียกตรวจสอบ และในการเรียกตรวจสอบของเจ้าหน้าที่อ้างเพียงว่า มีอำนาจตามกฎหมาย แต่ไม่ได้อ้างเหตุตามกฎหมายหรือเหตุความสงสัยใด ๆ ที่จะมาตรวจสอบ

เรื่องอธิบดีศาลเรื่องนี้ จึงดูเหมือนจะจบไม่ยาก แต่ที่ดูยากจะเข้าใจ ก็คือ การโหมกระแส ประชดประเทียดของบรรดาสื่อมวลชนทั้งหลาย คล้ายกับเรื่องนี้เป็นเรื่องผิดมหันต์ ทั้งที่สื่อนั่นเองคือตัวที่แสดงความเป็นอภิสิทธิ์ชนที่น่ารังเกียจมากกว่าหลายเท่านัก

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1229 วันที่ 17 - 23 พฤษภาคม 2562)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์