วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

กลุ่มเกษตรอินทรีย์หมอสม-วังแคว้ง

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

“ท้อทุกวัน แต่ไม่คิดจะเลิกทำ ถ้าเรามีความพยายาม สักวันจะผ่านความท้อนั้นไปได้”  

จำรูญ กาวีวัฒน์ จากกลุ่มเกษตรอินทรีย์หมอสม-วังแคว้ง เล่าว่า  ส่วนตัวปลูกพืชผักมานานกว่า 10 ปี แล้วเพราะอยากให้ลูกได้ทานผักที่ปลอดภัย และปลูกฝังทัศนคติในการกินผักให้กับครอบครัว เพราะผักเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ จึงได้เดินตามแนวพระราชดำริ ในหลวง ร.9  ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ โดยคิดอยู่เสมอว่า เมื่อพระองค์ให้มาหมดแล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือตีความให้ดีและทำให้ถูกต้อง 

นายจำรูญ เล่าความเป็นมาของกลุ่มว่า จากที่ตนได้ปลูกผักทานเอง ก็เริ่มรวมกลุ่มของเกษตรกร ที่สนใจด้านเกษตรอินทรีย์ และหาโครงการมาทำร่วมกันในชุมชน แต่ก็มีชาวบ้านคิดว่ารวมกลุ่มแล้วจะได้อะไร ในตอนแรกจึงรวมกันได้กลุ่มเล็กๆ ที่ชอบปลูกพืชผักสวนครัวไว้รับประทานกันเองประมาณ 7 คน ปัจจุบันทำมา 2 ปี เป็นสิ่งที่ดีที่ได้มีการพูดคุยกันมากขึ้น ได้ออกสัมมนากับภาควิชาเกษตรต่างๆ เพื่อหาความรู้มาแลกเปลี่ยนกันในกลุ่ม

ทำเกษตรอินทรีย์ดีอย่างไร ?

นายจำรูญ บอกว่า ข้อดีคือเราปลอดภัยจากสารเคมี ซึ่งสารที่ใช้บางตัวก็อาจจะไม่ใช่สารพิษ แต่เวลาที่ต้นไม้ดูดเข้าไปในลำต้นก่อนจะถูกสังเคราะห์เป็นวิตามิน มีโอกาสทำให้เราได้รับการสะสมสารในร่างกาย ซึ่งมีผลต่อเนื่องอาจให้เกิดโรคมะเร็ง แต่หากใช้อินทรีย์เป็นปุ๋ยหมักที่ทำขึ้นเอง ถึงแม้ว่าจะมีสารปนเปื้อนอยู่บ้าง แต่ก็จะถูกจุลินทรีย์กำจัดออกไปในระดับที่ปลอดภัยที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงต้องการความรู้มากขึ้น การศึกษาเรื่องเกษตรอินทรีย์ที่ครบวงจร เพื่อแลกเปลี่ยน และช่วยกันพัฒนาผักให้มีคุณภาพ

 ขณะเดียวกันก็มีอุปสรรคไม่น้อย โดยนายจำรูญ  ยอมรับว่าเกษตรอินทรีย์ทำได้ยากมาก ในขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่สามารถจูนเข้าระบบได้ อาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 1 รุ่น 2 รุ่น  แต่ถ้าเรายังเดินต่อ ก็หวังว่ารุ่นที่ 3 และรุ่นต่อๆไป จะดีขึ้น การทำเกษตรก็ต้องติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ว่าช่วงไหนสภาพอากาศเป็นอย่างไร เช่นบางปีเกิดแอลนิลโญ่ เจออากาศร้อนมาก จะเจอลมพายุ ก็อาจจะต้องเปลี่ยนการปลูกพืชใหม่ ถ้าเห็นว่าช่วงนี้ยังไม่ควรก็ต้องลองหาวิธีใหม่ที่ดีกว่า


แน่นอนว่าการทำงานทุกด้าน มีทั้งประสบความสำเร็จ และผิดหวัง จนเกิดความท้อถอย นายจำรูญเป็นอีกคนหนึ่งที่บอกว่า ท้อทุกวันในการทำเกษตรอินทรีย์  แต่ในความท้อนั้น ทำให้เกิดการตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ จนบางครั้งก็โทษว่าสาเหตุมาจากคนอื่น   กระทั่งเล็งเห็นว่าความท้อถอย เป็นบททดสอบหนึ่งที่ทำให้คนเราต้องมีความอดทน  ทำให้นายจำรูญได้ปรับเปลี่ยนความคิด และใช้โอกาสนั้นพูดคุยปรึกษาแลกเปลี่ยนกันกับเพื่อนสมาชิก   โดยตั้งเป้าหมายกับตัวเองว่า ถ้าเราพยายามอยู่ทุกวันก็จะดีขึ้น  สักวันความท้อก็จะผ่านไป และไม่เคยคิดจะเลิกทำ

“การปลูกผักแล้วเห็นผักมีสีสันที่หลากหลาย เมื่อนำมาจัดรวมๆกันแล้วเป็นสิ่งที่สวยงาม อีกทั้งยังประโยชน์  รับประทานได้ เมื่อใครเห็นได้การตอบรับในเชิงบวกมากกว่าลบ และซื้อสินค้าของเรา ทำให้มีกำลังใจมากขึ้น” นายจำรูญ กล่าว

นอกจากนี้ ทางกลุ่มกลุ่มเกษตรอินทรีย์หมอสม-วังแคว้ง ได้มีแนวทางจะขยับขยายนำผลผลิตของสมาชิกออกไปวางจำหน่ายตามตลาดต่างๆ เนื่องจากยุคนี้เป็นยุคใหม่มีอาหารถุงและอาหารสำเร็จรูปวางขายมากมาย การขายผักสดอาจจะทำให้ยอดขายลดลง จึงแนวคิดที่จะทำการแปรรูปเป็นอาหารเพื่อเสริมให้กับผู้บริโภคอยู่ ควบคุมกับการขายผักสดไปด้วย










สอบถามรายละเอียด ผลิตภัณฑ์ โทร. 085-718-9539
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์