'สุทธิชัย
หยุ่น' ชี้ทิศทางหนังสือพิมพ์ไทยในยุคดิจิทัล
จะต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติทำสื่อให้หลายด้าน เน้นการรักษาแบรนด์เดิม
และสร้างความน่าเชื่อถือใหม่
เมื่อเวลา
14.00
น.วันที่ 28 ส.ค.2556 ที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์
อ.เมือง จ.ลำปาง นายสุทธิชัย หยุ่น ประธานเครือเนชั่น
กรุ๊ป บรรยายพิเศษหัวข้อ "ทิศทางของหนังสือพิมพ์ไทยในยุคดิจิทัล"
ใหักับสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดลำปาง ว่า การเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบัน
เราไม่มีทางรู้เลยว่าจะเป็นอย่างไร
ไม่เคยมีใครทำนายได้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะพบเจออะไรบ้าง ดังนั้นเราจึงกระโดดจากสื่อสิ่งพิมพ์มาเป็นสื่อดิจิทัลทันที ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล
เปรียบเสมือนกับภาพยนตร์ เรื่อง perfect storm ที่เทคโนโลยี
จะค่อยๆพัดเป็นคลื่นเข้ามากระทบกับสังคมและไม่สามารถคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ในอนาคต เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งสื่อที่ได้รับผลกระทบเป็นอันดับต้นๆ คือสื่อเพลง
ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงเป็นยุคแรกๆ ก่อนจะเริ่มเข้าสู่วงการสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งทุกสื่อจะต้องมีการปรับตัว
แบบค่อยๆดำเนินการและใช้ประโยชน์จากสื่อทุกรูปแบบให้ครอบคลุมมากที่สุด
รวมทั้งจะต้องมีการปรับเปลี่ยนทัศนคติในการยอมรับการเปลี่ยนแปลง
จากที่เมื่อ
8 ปีก่อนเริ่มมีทวิตเตอร์ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยการเขียนข้อความสั้นๆ
และโพสต์ลงอินเตอร์เน็ตสามารถส่งข้อความไปถึงคนทั่วโลก
ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด เมื่อเห็นการส่งข่าวต่างๆได้ในเวลาเพียง 1 วินาที ทำให้หันกลับมามองว่าสื่อหนังสือพิมพ์จะอยู่ได้อย่างไร
เพราะกว่าข่าวจะตีพิมพ์ออกมาต้องใช้เวลาถึง 18-24 ชั่วโมง ต่อมาก็มีการถ่ายภาพโดยไม่ต้องใช้ฟิล์ม
โดยในครั้งแรกช่างภาพมืออาชีพหลายคนยังบอกว่าเป็นไปไม่ได้
การถ่ายภาพโดยไม่ใช้ฟิล์มไม่มีความละเอียดซึ่งใช้กับภาพข่าวหนังสือพิมพ์ไม่ได้ จากนั้นอีก 2 ปี พบว่ากล้องพัฒนาออกมาให้สามารถถ่ายภาพลงหนังสือพิมพ์ได้ จึงค่อยๆลดการใช้ฟิล์มลง จนกระทั่งนักข่าว
ช่างภาพ ปรับเปลี่ยนเป็นกล้องดิจิทัลทั้งหมด โดยพลิกจากการทำงานแบบเดิม
วิวัฒนาการมาเป็นยุคใหม่ภายใน 5-6 ปี
เพราะเขาทราบว่าหากยังคงยึดติดกับสิ่งเดิมก็จะไม่มีงานทำ
เพราะฉะนั้นการปรับตัวต้องปรับ 360 องศา รวมถึงพนักงานเองก็จะต้องเป็นส่วนหนึ่งในการปรับตนเองเข้าสู่โลกดิจิทัล
ด้วยการปรับเปลี่ยนการทำงานจากเดิมที่มีการทำงานในด้านเดียวเท่านั้น
แต่ในปัจจุบันจะต้องทำได้ในหลายหน้าที่ ทั้งเรื่องของการตัดต่อ การเขียน
หรือการถ่ายภาพ โดยอาศัยการใช้สื่อดิจิทัลเป็นเครื่องมือ นี่คือสิ่งที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นอย่าวิตกกังวล
แต่ควรนำไปคิดและค้นว่าจะใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างไรให้เป็นประโยชน์
นายสิทธิชัย กล่าวอีกว่า
สำหรับสื่อหนังสือพิมพ์ในอนาคตจะต้องมีการปรับตัวเองให้มาก
โดยจะต้องมีการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีให้มากขึ้นทั้ง สื่อทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ก
หรือยูทูป ที่สามารถเข้าถึงประชาชนได้มากกว่า
แต่ยังจะต้องยังคงรักษาฐานเดิมของตนเองไว้
เนื่องจากประชาชนยังคงติดในแบรนด์ของสื่อนั้นๆ
แต่ทั้งนี้จะต้องมีการปรับตามโลกของเทคโนโลยี และว่าการขยายฐานธุรกิจของหนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์
จากสื่อสิ่งพิมพ์ไปสู่สื่อกระจายเสียงเป็นทิศทางที่ถูกต้อง
เช่นเดียวกับที่เนชั่นได้ทำมาแล้ว
สื่อหนังสือพิมพ์ในอนาคตจะต้องมีการอาศัยแบรนด์ของตัวเองเป็นฐานหลักในการสร้างความเชื่อถือให้กับประชาชน
ควบคู่กับการสร้างผู้ติดต่อผ่านทางสื่อดิจิทัล ทั้งเฟคบุ๊ก ทวิสเตอร์ หรือยูทูป
โดยการเสนอข่าวสารที่เป็นจริง และแบบตรงไปตรงมา
จะส่งผลให้ข่าวสารจะเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น
และยังสามารถได้เครือข่ายผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือเป็นอิทธิพลของสื่อยุคใหม่
และแนวโน้มในอนาคตการแข่งขันของสื่อหนังสือพิมพ์ยุคใหม่จะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด
รุนแรง และมีการแข่งขันกันในการนำข้อมูลข่าวสารไปใช้ได้
ทั้งในรูปแบบของการแชร์ข่าว
"การเปลี่ยนแปลงของยุคดิจิทัล
เปรียบเสมือนการต้มกบที่หากมีการนำกบไปต้มในหม้อน้ำที่ค่อยปรับอุณหภูมิ
กบก็จะสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองได้ ก่อนจะตายไป และกบก็จะไม่กระโดดออกจากหม้อ
แต่หากมีการต้นน้ำเดือดๆ แล้วนำกบลงใส่หม้อกบก็จะกระโดดออก เปรียบเสมือนเทคโนโลยี
ที่จะต้องค่อยๆดำเนินการปรับเปลี่ยนเพื่อรับกับการเปลี่ยน
และวันหนึ่งผู้รับข้อมูลก็จะได้รับประโยชน์มากกว่า" นายสุทธิชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม
สื่อหนังสือพิมพ์ในอนาคตเองจะต้องมีการปรับตัว ด้วยการทำสื่อที่หลากหลาย
เพื่อให้เข้าถึงประชาชน โดยครอบคลุมการใช้สื่อสมัยใหม่ เพื่อรับการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งการเข้าถึงสื่อยุคใหม่ จะต้องมีการรักษาสภาพของสื่อพื้นฐานเดิม
เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ไปสู่ยุคดิจิทัลได้ เพื่อต่อยอดให้กับผู้บริโภคใหม่ๆ
สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น