วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แท็กซี่แจ้งเกิด เปิดถนนลำปางรับนักท่องเที่ยวอาเซียน


ผลักดันใช้แท็กซี่มิเตอร์ เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวเพื่อรองรับประชาคมอาเซียน เริ่มให้บริการ 4 คัน  ด้านผู้ประกอบการรถแท็กซี่เชื่อผลที่ตามมาคุ้มค่าถึงแม้จะลงทุนหลักล้าน  เผยมีผู้สนใจจำนวนมาก มั่นใจแท็กซี่มิเตอร์ลำปางรุ่งแน่

นายพรชัย จงศิริรักษ์ ขนส่งจังหวัดลำปาง  เปิดเผยว่า  เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะของจังหวัดลำปางยังไม่มีมาตรฐานในระดับมีสากล ซึ่งจะมีรถโดยสารสี่ล้อและรถตู้ให้บริการเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง จึงได้มีแนวคิดว่าจะจัดให้มีรถโดยสารสาธารณะเพิ่มขึ้นในรูปแบบของรถแท็กซี่ เพื่อเพิ่มศักยกภาพในการให้บริการรับส่งผู้โดยสารและเป็นทางเลือกใหม่ของประชาชน ทางขนส่งจังหวัดจึงได้มีการหารือร่วมกับสหกรณ์เดินรถจังหวัดลำปาง เพื่อนำเสนอแนวทางดังกล่าวให้กับผู้ประกอบการ พบว่ามีผู้ประกอบการหลายคนให้ความสนใจ  จึงให้ทางสหกรณ์เดินรถดำเนินการจัดหาผู้ประกอบการที่มีความสมัครใจ เนื่องจากไม่มีงบประมาณในการดำเนินการดังกล่าว  ซึ่งทางขนส่งได้อนุมัติให้มีรถแท็กซี่มิเตอร์ชุดแรกได้จำนวน 20 คัน แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องลดปริมาณรถโดยสารสี่ล้อลง 1 คันเมื่อเพิ่มแท็กซี่ 1 คัน เพื่อให้เกิดความสมดุลกับการใช้บริการของประชาชน  ปรากฏว่ามีผู้ประกอบการจำนวน 4 ราย ที่พร้อมจะนำร่องในการจัดทำรถแท็กซี่มิเตอร์ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรับรองมิเตอร์จากกรมขนส่งทางบกเท่านั้น ก็จะสามารถให้บริการอย่างเต็มรูปแบบได้

ขนส่งจังหวัด กล่าวต่อไปว่า สำหรับค่าบริการรถแท็กซี่มิเตอร์นั้นได้กำหนดตามมาตรฐานของกรมขนส่งทางบก โดยเริ่มต้นที่ระยะทาง 2 กิโลเมตรแรก 50 บาท หากเกิน 2 กิโลเมตร จะบวกเพิ่มกิโลเมตรละ 10 บาท  หลายคนอาจมีคำถามว่าการทำตรงนี้จะคุ้มค่าหรือไม่  คิดว่าต้องให้กำลังใจกับผู้ประกอบการจำนวน 4 รายมากกว่ามามองถึงความคุ้มทุน  ซึ่งในอนาคตจะมีการจัดตั้งระบบ Call Center  เพื่อเรียกใช้บริการ ถึงแม้ว่าจะมีรถแท็กซี่มาให้ 20 คัน ก็คงไม่เพียงพอเป็นแน่

ด้านนายบุญหน่ำ  ชวชยากร เลขานุการ คณะกรรมการดำเนินการ สหกรณ์เดินรถลำปาง จำกัด  กล่าวว่า  การจัดรถแท็กซี่มิเตอร์ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของ จ.ลำปาง เนื่องจากที่ผ่านมามีเพียงรถโดยสารสี่ล้อวิ่งรับผู้โดยสารเท่านั้น ปัจจุบันมีกว่า 300 คันให้บริการในเขตเทศบาล สำหรับแท็กซี่มิเตอร์ในช่วงเริ่มแรกนี้มีเพียง 4 คันเท่านั้น โดยผู้ประกอบการจะต้องจัดซื้อรถเอง และออกค่าใช้จ่ายต่างๆเองทั้งหมด  ซึ่งอยู่ระหว่างการจดทะเบียนขออนุญาตจากขนส่งจังหวัด  หากมีผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นถึง 10 คัน ก็จะมีการตั้งศูนย์ Call Center ขึ้น เพื่อให้บริการประชาชนได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ตอนนี้ได้เริ่มต้นเพียง 4 คันเท่านั้น ผู้ประกอบการคนอื่นอาจจะยังคงรอติดตามผลตอบรับจากแท็กซี่ในชุดแรกก่อน เพราะการลงทุนค่อนข้างที่จะสูง  แต่คิดว่าถ้ามีแท็กซี่มิเตอร์มาให้บริการใน จ.ลำปางเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวมองเห็นศักยภาพของระบบขนส่งของลำปาง และเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย

นายคำ พึ่งสุยะ  หัวหน้าคิวรถแท็กซี่มิเตอร์ จ.ลำปาง  กล่าวว่า ขณะนี้มีหลายคนสนใจที่จะทำแท็กซี่มิเตอร์ ได้สอบถามเข้ามาทั้งกลุ่มรถโดยสารสี่ล้อเดิม กลุ่มข้าราชการเกษียณอายุ  บริษัททัวร์ก็มีติดต่อเข้ามา  ซึ่งตนจะเลือกผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพอย่างแท้จริงเท่านั้น  ตรงจุดนี้จะเป็นโอกาสและรายได้ ไม่อยากให้ทำเป็นธุรกิจ  ตอนนี้ได้มีหลายคนไปจองรถไว้แล้ว อยู่ระหว่างรอรับรถจากทางบริษัท  บางคนก็ยังรอดูผลตอบรับจากกลุ่มของเราที่เริ่มเป็นชุดแรก เพราะต้นทุนค่อนข้างสูงมาก รวมแล้วประมาณ 1 ล้านบาท  แต่เมื่อเล็งเห็นว่า การท่องเที่ยวในอนาคตจะมีการพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน ประกอบกับมีทุนสำรองอยู่จึงได้ตัดสินใจทำ และเชื่อว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

“รับรองว่าแท็กซี่มิเตอร์ที่ลำปางจะให้บริการลูกค้าอย่างเป็นกันเอง และไม่มีการขูดรีด หรือแปลงมิเตอร์แน่นอน เนื่องจากจะมีใบเสร็จเป็นหลักฐานเมื่อกดมิเตอร์ทุกครั้ง หากท่านใดต้องการใช้บริการ สามารถติดต่อได้ เรามีจุดจอดรถอยู่บริเวณข้างโรงแรมพิณ ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลำปาง  และในอนาคตจะมีเบอร์กลางเป็น Call Center ให้เรียกใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง”  นายคำ กล่าว

นายณัฐพล คำเรืองฤทธิ์  เจ้าจองรถแท็กซี่มิเตอร์อีกคัน  กล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจจัดทำรถแท็กซี่มิเตอร์ว่า  เมื่อมองถึงอนาคตข้างหน้าแล้ว คิดว่าการให้บริการแท็กซี่น่าจะดียิ่งขึ้น เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยได้เตรียมพร้อมรับประชาคมอาเซียนกันแล้ว ในอนาคตจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาจำนวนมาก  ซึ่งเชื่อว่ารถแท็กซี่มิเตอร์จะจำเป็นต่อการโดยสารอย่างแน่นอน เพราะสะดวกสบายเป็นส่วนตัว  ส่วนรถโดยสารสี่ล้อก็น่าจะยังคงมีผู้ใช้บริการอยู่ เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าเดิมอยู่แล้ว  ซึ่งแท็กซี่มิเตอร์จะเข้ามาเพิ่มเติมในส่วนของลูกค้า นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ  หากถามว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนไหม ตนมองว่าการลงทุนนี้ถือเป็นการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยว  และเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ตัวเอง ซึ่งดีกว่าการซื้อรถเอามาวิ่งบนถนนปกติทั่วไป

สำหรับการติดต่อให้บริการนั้น  นายณัฐพล กล่าวว่า ได้มีการนำนามบัตร และเบอร์โทรศัพท์ไปประชาสัมพันธ์ตามโรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆใน จ.ลำปาง ส่วนใหญ่จะรับบริการในกลุ่มที่โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาเท่านั้น ยังไม่ได้มีการนำรถออกไปวิ่งตามท้องถนนทั่วไป  ซึ่งมีผู้โดยสารที่ทราบข่าวเข้ามาใช้บริการแล้วจำนวนหนึ่ง
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์