ผู้ป่วยแม่เมาะร้องอีกถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน
ยื่นตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐ
หลังพบว่าบ้านกลุ่มผู้อพยพที่ขายให้รัฐหลายร้องหลังหายไป บางหลังราคากว่า 1
ล้านบาท
ประธานเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ
ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้ตรวจราชการแผ่นดิน หลังพบสมาชิกเครือข่ายถูกกลั่นแกล้งไม่ให้รื้อถอนบ้านของตนเอง
ทั้งที่ไม่ได้ขายให้กับรัฐ
รวมทั้งของให้ตรวจสอบกรณีบ้านของกลุ่มผู้อพยพ 345 หลังที่ขายให้เป็นทรัพย์สินของรัฐตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2549 ว่ายังอยู่ครบตามจำนวนหรือไม่ หากไม่ครบถ้วนเป็นเพราะสาเหตุใด
เมื่อวันที่
16 ส.ค.56 กลุ่มเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ
นำโดยนางมะลิวรรณ นาควิโรจน์ ประธานเครือข่ายฯ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายรักษเกชา
แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ในโอกาสเดินทางมาร่วมรายการสถานีประชาชน ทีวีไทยพีบีเอส สัญจร พบเครือข่ายสิทธิ์ผู้ป่วยแม่เมาะ
ที่โรงเรียนแม่เมาะวิทยา อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าด้วยเรื่องทรัพย์สินของทางราชการ
กรณีขายบ้านให้รัฐตามมติคณะรัฐมนตรี 10 ม.ค.2549 และกรณีสมาชิกของเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ
นางมะลิวรรณ นาควิโรจน์
ประธานเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ
เปิดเผยว่า เรื่องเดิมมาจากการเลือกปฏิบัติตามมติ ครม. ซึ่งมติ ครม.วันที่ 10
ม.ค.2549 สมัยนายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็น
รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ต้องการให้ปลูกสร้างที่อยู่อาศัยเอง และยอมรับการจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการปลูกสร้างบ้านใหม่จากการประเมินทรัพย์สินเดิม
และยินยอมยกบ้านและทรัพย์สินเดิมให้ตกเป็นของรัฐ โดยกลุ่มผู้อพยพจำนวน 345 ครอบครัว ยึดแนวทางนี้ ส่วนมติ ครม.วันที่ 15 ม.ค.2555 ให้รัฐปลูกสร้างบ้านให้
โดยมีกลุ่มเครือข่ายผู้ป่วยยึดตามแนวทางนี้จำนวน 33 หลัง ซึ่งบ้าน 32
หลังได้มีการรื้อถอนไปหมดแล้ว ตั้งแต่ ปี 51 เหลือเพียงบ้านของนายจันทร์ต๊ะ
เครือสายใจ ซึ่งนายจันทร์ต๊ะรื้อถอนเองในบางส่วน ปรากฏว่าเมื่อนายจันทร์ต๊ะจะไปรื้อเพิ่มเติม
กลับมีเจ้าหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของรัฐรายหนึ่งไม่ให้รื้อ
อ้างว่า
นายจันทร์ต๊ะ ขายบ้านให้รัฐไปแล้วโดยไม่ฟังเหตุผล อีกทั้งยังเรียกตำรวจมาจับนายจันทร์ต๊ะ
บังคับให้เซ็นเป็นว่าทรัพย์สินเป็นของรัฐอีกด้วย จึงเห็นว่าการรื้อบ้านหลังเก่าของนายจันทร์ต๊ะ เพื่อใช้ประโยชน์ในส่วนที่ยังใช้ได้ เพราะไม่ได้เซ็นมอบทรัพย์สินให้รัฐสามารถทำได้ เรื่องนี้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐกลั่นแกล้งประชาชน
และจับบ้านนายจันทร์ต๊ะเป็นตัวประกัน เพราะหากว่าผิดต้องผิดหมดทั้ง
32 หลังที่รื้อถอนมาก่อนหน้านี้แล้ว
นางมะลิวรรณ
กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นยังขอให้ตรวจสอบด้วยว่า
จำนวนบ้านเรือนของราษฎรบ้านห้วยคิง หมู่ที่ 6 บ้านห้วยเป็ด หมู่
1ตำบลแม่เมาะ บ้านหัวฝายหล่ายทุ่ง หมู่ 8 บ้านหัวฝาย
หมู่ 1ตำบลบ้านดง ที่อพยพตามมติคณะรัฐมนตรี 10 ม.ค.49 โดยขายทรัพย์สินให้รัฐนั้น
และตามที่ราษฎรได้ยกให้กับรัฐว่าปัจจุบันนี้มีบ้านเรือนยังอยู่ครบ 345 หลังตามสภาพเดิมหรือไม่ หากไม่ครบถ้วนตามสภาพเดิมเป็นเพราะเหตุใด
และมีผู้ใดเข้าไปเคลื่อนย้ายสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังกล่าวหรือไม่ กรณีมีผู้เข้าไปเคลื่อนย้ายสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังกล่าว
หรือมีผู้ใดเข้าไปยึดถือครอบครอง เหตุใด จึงไม่มีการดำเนินการแก้ไข
“ในตอนนี้ทราบว่า
บ้านหลายหลังที่มีราคากว่าล้านบาทที่ใช้เงิน กฟผ.ซื้อ หายไปหลาย 100 หลัง
เหตุอันเนื่องมาจากการละเลยและการเลือกปฏิบัติชัดเจนของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงต้องเร่งตรวจสอบ หากการยื่นเรื่องนี้ไปยังเงียบ
คงจะมียื่นฟ้องศาลปกครองและศาลอาญาอีกแน่นอน” นางมะลิวรรณ กล่าว.