สั่งลาผู้ว่าฯ”ธวัชชัย”
มั่นใจ ลำปางกลับมาเป็นศูนย์กลางภาคเหนือได้เช่นในอดีต
ฝากคนลำปางเปิดใจให้กว้างรับการเปลี่ยนแปลง เดินหน้ามิวเซียมลำปาง สร้างศูนย์สิรินธร
ปรับภูมิทัศน์พระอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร แก้ปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ
หลังจากที่นายธวัชชัย
เทอดเผ่าไทย ได้เข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 27
เม.ย.55 ได้สร้างผลงานจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น
การผลักดันให้ จ.ลำปาง
จัดตั้งศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติของภาคเหนือ ผลักดันให้มีการก่อสร้างสนามกีฬากลางจังหวัดลำปางแห่งใหม่
ดำเนินงานโครงการมิวเซียมลำปาง
รวมทั้งผลักดันให้
จ.ลำปางเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์ทางบกของภาคเหนือ เป็นต้น
ซึ่งในวันที่ 30 ก.ย.56
นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย
จะเกษียณอายุราชการ โดยมีนายธานินท์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เข้ามารับตำแหน่งแทน
ในวันที่ 1 ต.ค.56
ลานนาโพสต์จึงได้สอบถามถึงผลงานที่ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางภาคภูมิใจ
นายธวัชชัย เปิดเผยว่า ระยะเวลา 1 ปี 5
เดือนที่ได้ทำงานเพื่อคนลำปางจนบรรลุผลสำเร็จ
รวมทั้งมีภารกิจที่ยังไม่แล้วเสร็จที่คนลำปางเองจะต้องสานต่อให้สำเร็จ ในหลายเรื่องที่ได้ดำเนินการไว้ คือ
การผลักดันให้ใช้พื้นที่ราชพัสดุ ในพื้นที่ ต.ศาลา อ.เกาะคา กว่า 26 ไร่
เพื่อใช้ก่อสร้างศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพการแพทย์แห่งชาติจังหวัดลำปาง งบประมาณ 360 ล้านบาท
ให้คนพิการและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
รวมทั้งการก่อสร้งสนามกีฬาจังหวัดลำปาง งบประมาณกว่า 500 ล้านบาท บริเวณด้านหลัง อบจ.ลำปาง
สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่เพิ่มเติมรวมกว่า 200 ไร่ โดยจะเริ่มทำสัญญาในปลายปี 2556
นอกจากนั้นยังมีการผลักดันให้จังหวัดลำปางเป็นศูนย์กลางระบบการขนส่งทางบกของภาคเหนือ
หรือโลจิสติกส์
โดยมีพื้นที่ราชพัสดุรองรับไว้ 440 ไร่ ในเขต
อ.เกาะคา และอีกกว่า 340 ไร่ ในพื้นที่ บ้านป่าเหียง
ต.ลำปางหลวง เพื่อรองรับการทำ Container Yard และได้เสนอให้
ปตท.จัดตั้งสถานีบริการน้ำมันและก๊าซแบบครบวงจร และใหญ่ที่สุดในภาคเหนือเนื้อที่ 40 ไร่ สนับสนุนภาคพลังงานในพื้นที่
รวมทั้งได้วางระบบน้ำประปา และระบบขนส่งไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้จังหวัดลำปาง
ได้ประกาศศักยภาพแล้วว่าพร้อมที่จะเป็นจุดศูนย์กลางกระจายสินค้า การลงทุน ได้อนาคต ในส่วนของโครงการมิวเซียมลำปาง สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ ได้รับเป็นเจ้าภาพหลักโดยใช้งบกว่า 100 ล้านบาท โดยมอบให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดประสานงานอย่างใกล้ชิด
นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่ได้ปูทางไว้อีกหลายเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็น การปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร
อ.เกาะคา การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำ
แก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในปี 2556 ส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อรองรับประชาคมอาเซียน
โดยเฉพาะการใช้ภาษาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว
ซึ่งงานต่างๆที่ได้ทำมาเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจที่ได้ทำให้กับจังหวัดลำปาง ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าว
เมื่อสอบถามว่าเป็นห่วงเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือไม่
ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวว่า “ คงไม่ห่วงอะไร
ผมได้ทำตามหน้าที่ของผมหมดแล้ว สิ่งที่ทำไปต่างๆก็มีการตั้งงบประมาณไว้แล้ว
ส่วนสิ่งที่จะทำต่อไปในอนาคตก็คงต้องให้ผู้ว่าราชการคนใหม่เข้ามาดำเนินการ ต้องแล้วแต่ท่านจะพิจารณาเอง งานทุกอย่างที่ตั้งไว้ก็จะเดินไปได้อย่างอัตโนมัติ
เช่นเรื่องศาลหลักเมือง ทางนายกเทศมนตรีนครลำปางก็เป็นผู้ดูแลอยู่ เรื่องโลจิสติกส์ หากระบบโลจิสติกส์ไปได้ดีแล้ว
Container Yard
ที่รองรับระบบรถไฟก็จะตามมา
คนลำปางก็ต้องคอยติดตามดูว่าเรื่องต่างๆมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง
เพื่อกระตุ้นให้งานเดินหน้าต่อไป
นอกจากนั้นผมได้ทำหนังสือไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดท่านใหม่แล้วว่า
สิ่งที่ผมได้ดำเนินการไปมีอะไรบ้าง และสิ่งที่อยากจะทำในอนาคตคืออะไร แต่คงจะไประบุให้ท่านทำคงไม่ได้
แล้วแต่การพิจารณาของแต่ละคน เพราะมีมุมมองไม่เหมือนกัน”
ท่านคิดว่าลบคำสบประมาทที่ว่าผู้ว่าฯมารอเกษียณได้หรือไม่ นายธวัชชัย กล่าวว่า มาลำปางสิ่งที่เขาไม่ชอบอยู่
2 คำ คือ 5 ปี 8 ผู้ว่าฯ และเอาผู้ว่าฯรอเกษียณมาทำไม
เมื่อได้ฟังก็รู้สึกช้ำใจเช่นกันเพราะไม่สามารถเลือกได้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน
“ประวัติชีวิตการทำงานของผม
อยู่ที่ไหนก็เป็นคนทำงาน เติบโตมาด้วยการทำงาน
ไม่ได้เติบโตมาด้วยการเข้าหาผู้ใหญ่
มาลำปางยังเสียดายที่ทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีเวลาน้อย
และต้องใช้เวลาศึกษาในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เพราะใน 6
เดือนแรกต้องศึกษาข้อมูลก่อน เพราะยังไม่รู้ว่าลำปางเป็นอย่างไรบ้าง
จากนั้นจึงจัดระบบการทำงานก่อนว่าบ้านเมืองลำปางต้องปรับอย่างไรบ้าง
เมื่อรู้ข้อมูลก็จะกำหนดทิศทางไปได้
และตอนนี้เรามาถูกทาง สามารถเดินไปในทางที่เป็นตัวเราเองได้
ถึงผมจะเกษียณแต่ก็ทำงานได้มากกว่าคนอื่น และมีผลงานให้เห็นชัดเจน”
ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวและว่า คนลำปางต้องพัฒนาความคิด คนลำปางมีความรู้เยอะ
ชอบคิดและที่สำคัญคือคิดแล้วต้องทำและทำร่วมกัน
การที่จะพัฒนาเมืองต้องไม่โลภ
จะมีคนบางประเภทเมื่อรู้ว่าบ้านเมืองจะขยายไปที่ไหนก็จะไปซื้อที่ดินไว้ขายเก็งกำไร
ทำให้คนที่มาลงทุนก็ไม่กล้าเข้ามา การที่จะพัฒนาจังหวัดต้องเปิดกว้าง
ลำปางสามารถเป็นศูนย์กลางภาคเหนือได้ แต่ไม่ต้องคิดว่าเราจะเป็นเหมือนเชียงใหม่ เพราะจุดเด่นแต่ละแห่งนั้นไม่เหมือนกัน ควรคิดว่าอะไรที่ตัวเราสามารถเป็นไปได้ เช่น
การเป็นศูนย์กลางในเรื่องของการคมนาคม การเป็นศูนย์กลางพลังงาน
และอุตสาหกรรมสะอาด เมื่อทำได้ใน 3 สิ่งนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเข้ามาเองโดยอัตโนมัติ
ผมเชื่อว่าลำปางสามารถกลับคืนมาเป็นจุดเด่นได้เหมือนในอดีต และฝากถึงคนลำปางด้วยว่าให้คนลำปางรักกัน
ช่วยกันสนับสนุนคนดี บ้านเมืองจะพัฒนาก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง
คนลำปางจะต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆด้วย
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 945 วันที่ 27 กันยากัน - 3 ตุลตาคม 2556)