วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556

คอนเสิร์ต มีสี ไม่บังคับ แต่ยากปฎิเสธ



ฟังแล้วหัวเราะมิได้ ร่ำไห้มิออก เมื่อ พ.ต.อ.สมชาติ เป้าพานิชย์ ผกก.สบปราบ ลำปาง กล่าวคำ
 “..ทุกท่านที่รับซื้อบัตรคอนเสิร์ตเอาไว้แล้ว ก็สามารถนำบัตรมาคืนได้ทุกเมื่อ โดยไม่ต้องเกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น...เพราะเราไม่ต้องการให้ผู้ประกอบการทุกคนที่ซื้อบัตรคอนเสิร์ตไปเกิดความอึดอัดใจ แต่หากจะให้การช่วยเหลือกัน ก็ต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจเท่านั้น เราพร้อมจะรับคืน ด้วยความเต็มใจ

คำอธิบายที่มีขึ้น หลังจากมีการร้องเรียนพฤติกรรม ของตำรวจที่มีหนังสือขอเชิญสนับสนุน บัตรชมการแสดงคอนเสิร์ตจ๊ะ คันหู ต้านภัยยาเสพติด มาถึงผู้ประกอบการร้านค้าในเขตจังหวัดภาคเหนือ พร้อมกับบัตรคอนเสิร์ต จำนวน 5 - 10 ใบ ใบละ 2 พันบาท โดยต้องจ่ายเงินสดทันที เป็นถ้อยคำที่ไม่พูดก็ยังไม่นับว่าเสียหาย เพราะคงไม่มีใครกล้าปฎิเสธคำขอของตำรวจ ที่สามารถให้คุณให้โทษใครก็ได้ จะกลั่นแกล้งข่มขู่ ในนามของผู้รักษากฎหมาย  หรือใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการจัดการกับคนที่ไม่ให้ความร่วมมืออย่างไรก็ได้

ประเด็นเรื่องนักร้องที่มีภาพพจน์ของการเร้าอารมณ์ทางเพศ เป็นจุดขายมากกว่าเสียงร้อง ที่เรียกได้ว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง กับการอ้างว่าเป็นการจัดแสดงเพื่อต้านภัยยาเสพติด แต่ความเป็นจริงคือต้องการไปสร้างลานฝึกให้ตำรวจ ก็ยังไม่หนักหนาเท่าคำถามว่า นี่เป็นเรื่องที่ตำรวจพึงกระทำหรือไม่ ไม่ว่าจะอ้างว่าเป็นการเสนอของบริษัทออแกไนซ์ ที่ดูยังมีเงื่อนงำในลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อนก็ตาม

แม้จะพอเข้าใจกันทั่วไปว่า ตำรวจบางพื้นที่อาศัยหากิน อยู่กับการส่งส่วยบ่อนการพนัน การเก็บค่าคุ้มครอง การตั้งด่าน การใช้อิทธิพลแฝงในเครื่องแบบเปิดสถานบริการ และการดำรงอยู่ด้วยมิจฉาชีพทั้งหลายที่อยู่ภายใต้สังกัด แต่การออกมารีดไถประชาชนทั่วไปอย่างเอิกเกริกภายใต้ภาพสวยหรูเช่นนี้  เป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ เอือมระอาของคนที่ถูกบังคับซื้อบัตร คล้ายไม่ซื้อไม่เป็นไร แต่มีปืนจ่อหัวอยู่

จะว่าไป เรื่องนี้ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ลำปาง  แต่ปรากฎการณ์ตำรวจรีดไถ หรือตำรวจยอมให้คนภายนอกมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำมาหากินนั้น เป็นปรากฎการณ์ร่วมที่เกิดขึ้นทั่วไป  

มีผู้ใช้ชื่อว่า รัตติยา(เพชรบุรี) เขียนจดหมายไปถึงอ๊อด เทอร์โบ ตอบปัญหาสารพัน ในไทยรัฐฉบับสัปดาห์ก่อน ความตอนหนึ่งว่า.....

“..ตอนนี้ได้มีมิจฉาชีพอ้างชื่อตำรวจ กรมทหารพิเศษฯ ออกหากินโดยวิธีจัดคอนเสริต์ตามโรงแรมต่างๆ ในราคา 5002,000 บาท โดยแต่งกายแบบสบายๆ แต่งครึ่งท่อน หรือชุดตรวจการณ์ พูดจาสุภาพ ขับรถยนต์ หรือปิกอัพไม่ติดป้ายทะเบียน ไม่น่าก็หลังรถ ดิฉันอยู่เพชรบุรี แต่บุคคลที่กล่าวถึงขับรถยนต์ทะเบียน เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ ลำปางมา 2 คน ส่วนใหญ่ ถ้าใจกล้าก็จะลงมาขายบัตรคนเดียว ถ้าหน้าบางหน่อยก็จะลงมาสองคน เพื่อโน้มน้าวในการขายบัตร อ้างสัพเพเหระในการจัดคอนเสริต์หาเงินมาเพื่อทำกิจกรรมในหน่วยงานที่กล่าวมาทั้งหมด

กรณี สภ.สบปราบ มีประเด็นน่าสนใจหลายเรื่อง ทั้งเรื่องลานฝึกของตำรวจ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติอับจนงบประมาณ จนกระทั่งตำรวจต้องไปจัดคอนเสริ์ตนักร้องโชว์หวิว เพื่อหารายได้มาช่วยเหลือตัวเอง ทั้งเรื่องการใช้ออแกไนซ์ซึ่งจะต้องถูกหักค่าใช้จ่าย ค่าจัดการจำนวนมาก และออแกไนซ์ก็จัดการประหนึ่งว่าตำรวจจัดการเสียเอง หรือการใช้อิทธิพลของเครื่องแบบไปบีบบังคับให้คนซื้อ เรียกว่าเป็นธุรกิจรายได้ดี หักค่าใช้จ่ายแล้ว คงเหลือไปสร้างสนามฝึกน้อยนิด แต่เหลือแบ่งปันกันมหาศาล

ตำรวจขายบัตร หรือคนธรรมดาอ้างว่าตำรวจฝากมาขาย เพื่อกิจการตำรวจ ก็เข้าขั้นอาบัติ ปาราชิกเช่นกัน เพราะนี่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ และก็ไม่ใช่หน้าที่ตำรวจที่จะไปรีดเงินชาวบ้าน ในนามของคำว่าขอความร่วมมือ

พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ที่พยายามแสดงราคาเป็นตำรวจน้ำดี ควรต้องสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษหรือไม่ โดยเฉพาะตำรวจที่รู้ตัวว่าทำความผิด แต่พยายามอธิบายด้วยเหตุผลที่อ่อนแอ ข้างๆคูๆเพียงให้พ้นตัวไปเท่านั้น

  (คอลัมน์ม้าสีหมอก ฉบับที่ 942 วันที่ 13-19 กันยากัน 2556)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์