วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

ชุดร้อน ธรรมศาสตร์ร้าว ?


แต่งหรือไม่แต่งเครื่องแบบนักศึกษา เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานาน แม้กระทั่งแต่งเครื่องแบบนักศึกษาแล้ว ก็ยังมีมิติของความเหมาะสมเสื้อคับติ้ว กระโปรงสั้นเต่อ ซึ่งกลายเป็น จุดขายของบางคนที่แอบแฝงมาในคราบนักศึกษา แปรรูปเป็นสินค้าราคาดี หากสเตตัสระบุอาชีพนักศึกษา นี่ก็เป็นมุมที่กลุ่มนักศึกษาที่ต่อต้านคำสั่งแต่งชุด ใช้เป็นข้อต่อสู้กับผู้บริหารมหาวิทยาลัย บนหลักการสิทธิเสรีภาพ

ชุดนักศึกษา ยังเป็นประเด็นร้อน และคาดว่าจะเป็นที่ถกเถียงกันอีกนาน เพราะต่างฝ่ายต่างอ้างถึง สิทธิเสรีภาพตามหลักประชาธิปไตยที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถแสดงออกถึงตัวตนได้อย่างอิสระเสรีโดยเฉพาะกระแสที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านเฟสบุ๊คของคนรุ่นใหม่ ทำให้สิ่งที่เคยปฏิบัติเป็นธรรมเนียมมาหลายสิบปีกำลังจะกลายเป็นเรื่องที่ผิดแปลกของสังคม

การแต่งเครื่องแบบนักศึกษา หากมองในเชิงสัญลักษณ์อาจมีความหมายว่านักศึกษาแต่ละคนมาจากต่างถิ่น ต่างที่ ต่างชนชั้นฐานะ แต่เมื่อเข้ามาเป็นสถานะนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้วถือว่ามีฐานะเท่ากัน ก้าวเท้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาหาความรู้ โดยไม่แบ่งแยกเหมือนดั่งที่ พระบรมราชวงศ์...พระเทพฯ ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ  พระองค์ภา  ต่างก็เข้าห้องเรียนร่วมกับนักศึกษาคนอื่นๆด้วยชุดนักศึกษาเช่นกัน

หากแต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป แฟชั่นมีการเปลี่ยนแปลง จากชุดนักศึกษา เครื่องแบบที่ดูเรียบง่าย เสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรง กางเกงผ้า สีดำ กรรมท่า แบบพอดีตัว กลายเป็นเสื้อเชิ๊ตนักศึกษาที่รัดรึงแน่นอก ผ้าบางกระชับและนักศึกษาหญิงเจตนาใส่เสื้อชั้นในสีเข้ม กระโปรงนักศึกษาจากที่เคยยาวเลยเข่า กับหดสั้นรัดตรึงสะโพกร่นขึ้นมาแทบเห็นสิ่งสงวน แฟชั่นเหล่านี้ถือเป็นเครื่องแบบศึกษา หรือเป็นเพียงเครื่องบ่งชี้ทางเพศที่ใช้เครื่องแบบนักศึกษาเป็นร่างทรงเท่านั้น

ประเด็น เครื่องแบบนักศึกษา เริ่มจากกรณีอาจารย์ผู้สอนวิชาสหวิทยาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บังคับให้ทุกคนแต่งชุดนักศึกษา มิฉะนั้นจะตัดสิทธิไม่ให้เข้าสอบ

นักศึกษาเลือกวิธีประท้วงโดยแต่งเครื่องแบบแสดงท่าทางเสพสังวาส ทำเป็นโปสเตอร์เผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อเรียกร้องความสนใจ และก็เป็นผลแต่เพียงมีผลทางลบติดมาด้วย นาทีนี้ไม่ใช่เวลาของการหาตัวคนผิด เพราะทุกคนต่างทำตามความเชื่อของตัวเองอาจารย์ที่มาจากสายวิทยาศาสตร์ อาจไม่เข้าใจจิตวิญญาณเสรี ส่วนนักศึกษาก็ไม่เคารพต่อศีลธรรมอันดีและไม่ให้เกียรติสถาบันการศึกษาของตัวเอง จึงแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสมออกไป

เป็นความจริงที่ว่าการใส่เครื่องแบบไม่ได้ทำให้เราเรียนดีขึ้นหรือเก่งขึ้นได้

เป็นความจริงที่การใส่เครื่องแบบอาจถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความกดขี่ในยุคไหนก็แล้วแต่จะเชื่อมโยงกันไปในเชิงประวัติศาสตร์

แต่ก็เป็นความจริงที่การใส่เครื่องแบบ...เป็นการเตือนให้รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบที่มีในบริบทแวดล้อมที่ แสดงถึงความเป็นกลุ่ม เป็นพวกเดียวกัน ทำให้ไม่รู้สึกแตกต่างกัน แม้ฐานะและรสนิยมจะต่างกัน...

คนนั้นไม่อยู่คงที่ เดินผ่านมาแล้วก็จากไป แต่สถาบันยังต้องจีรัง จึงต้องมีกรอบ มีแบบแผนในการปฏิบัติ มีระบบที่ทำให้ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องคิดถึงคนหลายๆคน ต้องคิดถึงส่วนรวม คิดถึงเหตุผลของคนอื่น การตอบสนองความรู้สึกอยากได้ ในสิ่งที่เชื่อว่าคือเสรีภาพ ของคนบางคน แล้วทำร้ายสิทธิเสรีภาพ ความคิด ความเชื่อของคนอื่น แน่ใจหรือว่าคือหลักการประชาธิปไตย?

 (คม-คิด แร็คลานนา ฉบับที่ 944 วันที่ 20-26 กันยากัน 2556)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์