วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

กว่าง ชีวิตที่ถูกลัดวงจร


ช่วงฤดูฝนราวเดือนสิงหาคมเรื่อยไปจนถึงเดือนตุลาคม หลังว่างเว้นจากการงานในไร่นา เช้า ๆ ผู้ชายพื้นถิ่นเหนือทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างจับกลุ่มพากันบ่ายหน้าขึ้นดอยดินแดง ออกตามหาแมลงมีเขาที่เรียกว่า กว่าง ไม่ก็หาเอาตามต้นไม้ที่มีเครือเถา ไปเขย่าตามต้นไผ่ กว่างที่มีอยู่มากมายสมัยหนึ่งนั้นก็จะร่วงลงมาให้จับแต่โดยดี เกิดเป็นประเพณีการประลองกว่างอันเก่าแก่ของภาคเหนือที่มีมาแต่ช้านาน โดยเฉพาะที่อำเภอปัว จังหวัดน่าน ซึ่งถือว่ากว่างเป็นสัญลักษณ์ของอำเภอ มีการจัดเทศกาลโลกของกว่าง นักสู้แห่งขุนเขา และงานของดีเมืองปัวควบคู่กันไปทุกปี

กว่างเป็นแมลงปีกแข็งจำพวกด้วง ถูกจัดอยู่ในอันดับ COLEOPTERA ในวงศ์ DYNASTIDAE ตัวผู้มีเขา 2 เขาโง้งเข้าหากัน ส่วนตัวเมียไม่มีเขา กล่าวกันว่า เขาของด้วงตัวผู้ ก็คือส่วนของกรามที่ขยายใหญ่นั่นเอง กว่างออกไข่ในดิน ช่วงชีวิตของตัวอ่อนเป็นตัวหนอนหากินอยู่ในดินราว 7-8 เดือน ตัวเต็มวัยจะขึ้นมาจากดินราวเดือนกรกฎาคม และมีอายุต่อจากนั้นไปอีกประมาณ 3-5 เดือน เพื่อจับคู่สืบทอดเผ่าพันธุ์ โดยกว่างตัวเมียหลังจากผสมพันธุ์แล้วจะเร่งรีบขุดดินวางไข่ให้ทันก่อนที่ตัวเองจะตาย เพราะกว่างมีวงจรชีวิตแค่ประมาณ 1 ปีเท่านั้น

กว่างตัวผู้มีเขาเป็นอาวุธในการต่อสู้ โดยการใช้เขากีดขวางตัวผู้อื่น ๆ ไม่ให้เข้ามาในเขตของตัวเอง มันอาจใช้เขายกคู่ต่อสู้ทิ้งให้ไกลออกไป และใช้ในการดึงดูดความสนใจจากตัวเมียด้วย ดู ๆ แล้วกว่างก็เช่นเดียวกับสัตว์เพศผู้ชนิดอื่น ๆ ที่มักจะต่อสู้กันเพื่อป้องกันแหล่งที่อยู่ ตัวเมีย หรือไม่ก็อาหาร นอกจากนี้ มันยังมีกรงเล็บที่ขาเพื่อจับยึดกิ่งไม้ไว้อย่างแน่นเหนียว มีขนปกคลุมบนขา ทำให้รับรู้ถึงการสั่นสะเทือน ที่สำคัญ มันยังมีปีกแข็งคู่หน้าไว้ปกป้องร่างกาย อันเป็นลักษณะเฉพาะของด้วง

มีการแบ่งประเภทของกว่างออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ กว่างโซ้ง กว่างกิ กว่างแซม และกว่างอีลุ้ม

กว่างโซ้ง เป็นยอดปรารถนาของใคร ๆ ความที่มันเป็นกว่างตัวผู้ขนาดใหญ่งามสง่า มีเขายาวและหนาทั้งข้างบน-ข้างล่าง กว่างชนิดนี้นี่เองที่เขานิยมใช้ชนกัน

กว่างกิ คำว่า กิแปลว่าสั้น กว่างกิก็คือ กว่างตัวผู้ที่มีเขาข้างบนสั้น ไม่สามารถใช้เขาหนีบใครได้ มันจึงถนัดใช้เขาล่างงัดคู่ต่อสู้มากกว่า

กว่างแซม ลักษณะคล้ายกว่างโซ้ง แต่ตัวเล็กกว่ากันสักหน่อย มีเขาสั้นเท่ากันทั้งข้างบน-ข้างล่าง ชอบร้อง ซี่ ๆ

กว่างอีลุ้ม คือกว่างตัวเมีย ซึ่งมักถูกใช้เป็นตัวล่อเสมอ

บางคนที่ไม่ออกไป เสาะกว่างจะใช้วิธีดักจับด้วยการใช้กว่างตัวเล็กมาเป็น กว่างตั้งล่อให้กว่างโซ้งบินมาหาในยามค่ำ หรือไม่ก็ใช้กล้วยน้ำว้าใส่ตะกร้าตั้งล่อไว้ทั้งคืน

เมื่อได้กว่างตัวเก่งมาแล้ว เจ้าของจะสรรหาอาหารโปรดอย่างอ้อย หรือไม่ก็กล้วยน้ำว้ามาบรรณาการ ขณะเดียวกันก็พันธนาการมันไว้ไม่ให้บินหนีด้วยเชือกฝ้ายที่ผูกไว้ตรงส่วนเขา แต่ละวันพวกเขาจะฝึกซ้อมกว่าง โดยซ้อมบิน ว่ายน้ำ เดินบนพื้นทรายร่อนละเอียดเพื่อให้เล็บคม แข็งแรง เกาะคอนได้แน่นขึ้น พร้อมกับฝึกฝนทักษะการต่อสู้ด้วยเทคนิคเฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม กล่าวกันว่า กว่างเป็นนักสู้ที่ยอมรับในความพ่ายแพ้ เมื่อรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ มันจะไม่ดันทุรัง แต่เลือกที่จะถอยหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตาย

คืนวันผันผ่าน การออก เสาะกว่างในหมู่ผู้ชายชาวบ้าน หรือการอดหลับอดนอนเพื่อเฝ้ากว่างโซ้งให้มาติดกับก็ไม่จำเป็นอีกแล้ว เพราะตามตลาดมีพ่อค้าหัวใสจับกว่างมาขายให้ถึงที่ ขณะเดียวกันจำนวนประชากรกว่างเริ่มมีอันลดน้อยถอยลง เพราะถูกจับมาขายอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ทั้งนี้ นักวิชาการประมาณกันว่า ในตลาดทั่วภาคเหนือมีการขายกว่างกันปีละมากกว่า 50,000 ตัว ประกอบกับทุกวันนี้เรารู้กันดีอยู่ว่ามีการตัดไม้ทำลายป่าชนิดมโหฬาร เรียกได้ว่าแหล่งอาศัยของกว่างเองก็เริ่มร่อยหรอ แล้วยังมีการประโคมใช้ยาฆ่าแมลงกันเข้าไปอีก

นักอนุกรมวิธานด้านแมลงจึงพากันเป็นห่วงว่า ความหลากหลายด้านพันธุกรรมของกว่างในธรรมชาติจะลดลง ทว่าหนทางช่วยเหลือกว่างยังพอมีอยู่ พวกเขาต่างหวังว่า เมื่อกว่างใกล้จะหมดอายุขัย เจ้าของจะยินยอมปลดปล่อยมันในบั้นปลายชีวิต โดยเฉพาะตัวที่มีลักษณะดี แข็งแรง ซึ่งมักจะเป็นกว่างตัวโปรด ให้พวกมันได้มีโอกาสกลับคืนสู่ธรรมชาติในที่ที่เหมาะสม ได้ทำหน้าที่ที่ธรรมชาติมอบหมายมาอย่างแท้จริง นั่นก็คือ ผสมพันธุ์ แพร่ขยายดำรงเผ่าพันธุ์ที่ดีต่อไป                                       
กุลธิดา สืบหล้า...เรื่อง

  (ร้อยเื่รื่องราว ฉบับที่ 944 วันที่ 20-26 กันยากัน 2556)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์