เทศบาลนครลำปาง ร่วมกับกรมเจ้าท่าขุดลอกแม่น้ำวัง ป้องกันปัญหาอุทกภัยในฤดูน้ำหลาก พร้อมเปิดเวทีระดมความเห็นจัดทำแผนยุทธศาสตร์แก้วิกฤตแม่น้ำวัง เข้มตรวจสอบปากท่อ
พบน้ำเสียไล่ท่อเอาผิดทั้งสาย
เมื่อวันที่ 9 ก.ย.56 นายอนันต์ แก้ววิเชียร ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่
7 สำนัก
พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำ กรมเจ้าท่า
เปิดกิจกรรมโครงการปรับปรุงและพัฒนาฟื้นฟูแม่น้ำวัง จ.ลำปาง ณ บริเวณแม่น้ำวัง หลังโรงงานซีอิ้ว เชิงสะพานบ้านดงม่อนกระทิง เทศบาลนครลำปาง
โดยมีประชาชนหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาคเอกชน เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200
คน
นายอนันต์ แก้ววิเชียร
ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 7 สำนักพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำ
กรมเจ้าท่า กล่าวว่า ศูนย์พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 7 ร่วมกับ
เทศบาลนครลำปาง จัดทำแผนงานการ ขุดลอกแม่น้ำวัง จังหวัดลำปาง ภายใต้โครงการปรับปรุงและพัฒนาฟื้นฟูสภาพแม่น้ำวัง
จังหวัดลำปาง
ในเขตพื้นที่เทศบาลนครลำปางบริเวณเชิงสะพานบ้านดงม่อนกระทิง-เชิงสะพานสบตุ๋ย
ระยะทางประมาณ 1.8 กิโลเมตร จนถึงวันที่ 17 พ.ย. 56 เพื่อแก้ไขปัญหาร่องน้ำตื้นเขิน ด้วยการขุดลอกสันดอนกลางน้ำ, เพื่อขยายความกว้างของแม่น้ำ และป้องกันปัญหาอุทกภัยในฤดูน้ำหลาก, เพื่อเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำ ป้องกันการเกิดปัญหาภัยแล้ง, เพื่อปรับภูมิทัศน์และแก้ไขปัญหาตลิ่งพัง, และเพื่อเป็นการป้องกันการบุกรุกครอบครองพื้นที่ริมตลิ่งแม่น้ำวัง
“เรามีหน้าที่ดูแลรักษาฟื้นฟูแม่น้ำวังอยู่แล้ว
ให้แม่น้ำมีสภาพรองรับน้ำได้ในฤดูน้ำหลากและเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง
จากภารกิจหลักส่งผลให้ต้องมาดูแลในพื้นที่ของเทศบาลนครลำปาง
เพราะจากที่เห็นสภาพน้ำตื้นเขิน การระบายน้ำช้า ซึ่งเห็นได้จากที่เกิดอุทกภัยปี 54 ทางอธิบดีกรมจึงมีนโยบายว่า อยากให้ขุดลอกในเขตเทศบาลก่อน ส่วนวัสดุที่ได้จากการขุดลอกได้มอบให้เทศบาลไว้ใช้ประโยชน์ในการทำผนังกันตลิ่งที่ถูกน้ำกัดเซาะ”
นายอนันต์ กล่าวต่อไปว่า ในปี 2557 จะดำเนินการขุดลอกต่อเนื่องไปถึงแยกนาก่วม
เป็นเส้นของสะพานข้ามถนนหลวงที่จะไปเชียงใหม่
เนื่องจากมีบริเวณถนนเลียบแม่น้ำวังจะเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง
จึงต้องเปิดพื้นที่บริเวณนั้นให้กว้างขึ้น เพื่อช่วยระบายน้ำออกไปได้ ส่วนบริเวณน้ำตื้นเขินเหนือฝายยางได้พูดคุยกับนายกเทศมนตรีว่าจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจ
เพื่อวางแผนจัดสรรงบประมาณในปีต่อไป
เนื่องจากศูนย์ฯมีพื้นที่รับผิดชอบ 10 จังหวัดภาคเหนือ
งบประมาณที่ได้รับจึงต้องกระจายกันไปในแต่ละพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน
สำหรับที่ จ.ลำปาง เนื้อดินที่ขุดได้จะอยู่ที่ประมาณ 100,000-150,000 คิว งบประมาณ 2 ล้านบาท
เหตุที่แม่น้ำวังตื้นเขิน
เนื่องจากไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ตะกอนเกิดทับถมทุกปี
ซึ่งเป็นตัวที่กีดขวางการระบายน้ำ
วิธีที่ดีที่สุดคือรักษาสภาพน้ำและขุดให้ลึกขึ้น หากหน่วยงานท้องถิ่นมีงบประมาณก็สามารถยื่นขออนุญาตขุดลอกตามมาตารา
120 มายังศูนย์ฯได้ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 7 กล่าว
ด้านนายกิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง กล่าวว่า
สำหรับวัสดุที่ได้จากการขุดลอกในครั้งนี้
กรมเจ้าท่าจะนำมาใช้ในการปรับปรุงภูมิทัศน์ และซ่อมแซมตลิ่งแม่น้ำวัง
บริเวณสวนสาธารณะเขื่อนยาง(สนามบาสเก่า) เพื่อสร้างสนามเปตอง 20
ลู่ ให้แก่เทศบาลนครลำปาง ส่วนที่เหลือจากการปรับภูมิทัศน์ดังกล่าวแล้ว
กรมเจ้าท่าจะมอบให้เทศบาลนครนำไปใช้ให้ให้เกิดประโยชน์สาธารณะ ซึ่งการดำเนินโครงการฯ
ในครั้งนี้
ถือเป็นกิจกรรมการพัฒนาที่ดีมีความสอดรับกับโครงการพัฒนาและฟื้นฟูแม่น้ำวัง
ของเทศบาลนครลำปาง ที่ดำเนินงานในระยะแรกสำเร็จไปแล้วในระดับหนึ่งในช่วงเดือน
มิ.ย.56 ที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกัน เทศบาลนครลำปางได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ
เพื่อจัดทำแผนพัฒนาแม่น้ำวัง ระยะที่สอง
เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในจังหวัดลำปาง
ในการแสวงหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาแม่น้ำวังเน่าเสีย
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการวิเคราะห์สภาพปัญหาและกำหนด
ทิศทางการพัฒนาแม่น้ำวังอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง ที่ห้องประชุมราชาวดี
สำนักงานเทศบาลนครลำปาง โดยมีนายแพทย์สุรทัศน์ พงษ์นิกร
รองนายกเทศมนตรีเป็นประธาน และนายสุวิทย์ ขัตติยวงศ์
ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2
ลำปาง ร่วมให้ข้อมูลประชุม
จากนั้นได้มอบหมายให้ ม.ราชภัฎสวนดุสิต ศูนย์ลำปาง รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำแผนต่อไป
นายสุวิทย์ ขัตติยวงศ์
ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2
ลำปาง กล่าวว่า
จากการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำโดยเก็บตัวอย่างน้ำทั้งหมด 8 สถานี
รวมที่แม่น้ำจาง 4 สถานี
พบมีปัญหาน้ำเน่าเสียรุนแรงในหน้าแล้งโดยเฉพาะในเขตตัวเมืองลำปาง
แม่น้ำวังกลายเป็นบ่อน้ำทิ้งจากชุมชน ตลาดสด สถานประกอบการ
และส่วนราชการในจังหวัดลำปางมากกว่า 80 จุด
เมื่อไม่มีน้ำไหลตลอดปีเพื่อไล่น้ำเสียออกไป น้ำเสียจึงขังอยู่ในแม่น้ำวังยาวนาน
ส่งผลให้แม่น้ำที่เคยเป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของคนลำปางตกอยู่ในภาวะวิกฤต
นายสุวิทย์ กล่าวว่า
หากวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาแม่น้ำวัง พบว่า ต้นน้ำเริ่มตั้งแต่ อ.เมืองปาน แจ้ห่ม
มีการตัดไม้ทำลายป่าสูงมาก เวลาฝนตกไม่มีป่าที่จะช่วยดูดซับน้ำ
เกิดน้ำป่าไหลหลากชะเอาตะกอนดิน ของเสีย และสารเคมีจากการเกษตรในอำเภอกลางน้ำ
ไหลลงสู่แม่น้ำวังทั้งหมด เข้ามาสู่เขตเมืองซึ่งมีวัชพืชขึ้นกีดขวางทางเดินของน้ำ
ทำให้น้ำเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และเป็นที่กักน้ำเสียจากชุมชน
ขณะที่ระบบน้ำเสียของเทศบาลนครลำปางไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น
การแก้ไขปัญหาแม่น้ำวังจึงต้องแก้ทั้งระบบ เทศบาลนครลำปางจะจัดการอย่างไรกับตลาดสด
หรือแม้แต่ส่วนราชการก็ไม่ได้รับการยกเว้น โดยเฉพาะเรือนจำ สถานีตำรวจ
ที่ปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำวัง เรื่องนี้ต้องเปิดอกคุยกัน
และมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
“แต่ก่อนแม่น้ำวังจะมีน้ำไหลผ่านตลอดปี
จึงมีน้ำมาขับไล่น้ำเสีย แต่ตอนนี้ปริมาณน้ำมีอยู่จำกัด
ขณะที่ความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น
จำเป็นต้องบริการจัดการการใช้น้ำให้เหมาะสมและเพียงพอ
ขณะเดียวกันปริมาณน้ำส่วนหนึ่งถูกดึงไปใช้ระหว่างทางโดยหน่วยงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)
แทนที่จะไหลลงมาชะล้างของเสียในตัวเมือง เรื่องนี้ต้องนำมาพิจารณา
เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาร่วมกัน”
ด้านนายสุรชาติ ไพศาล ฝ่ายจัดการคุณภาพน้ำ เทศบาลนครลำปาง กล่าวว่า
ที่ผ่านมาเทศบาลยังไม่เข้มงวดกับเรื่องนี้มากนัก
แต่ปัจจุบันทางเทศบาลได้ดำเนินการแก้ปัญหาแม่น้ำวังระยะแรกไปแล้ว
โดยการจัดกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่ง และล่าสุดได้มีการอบรมเครือข่ายเฝ้าระวังแม่น้ำ
การอบรมผู้ประกอบการที่เข้าข่ายต้องส่งรายงานระบบบำบัดน้ำเสีย
และจัดทำแผนพัฒนาฟื้นฟูแม่น้ำวัง ต่อจากนี้จะร่วมกับชาวบ้านตรวจสอบคุณภาพน้ำบริเวณปากท่อน้ำทิ้งทุกจุด
หากพบว่าน้ำมีคุณภาพต่ำมากก็จะไล่สายท่อระบายน้ำซึ่งจะรู้ทันทีว่าน้ำเสียปล่อยลงมาจากที่ใดบ้าง
และจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมเข้าดำเนินการต่อไป
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 942 วันที่ 13-19 กันยากัน 2556)
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 942 วันที่ 13-19 กันยากัน 2556)