ผู้ว่าการรถไฟสั่งยืดเวลาซ่อมรางอีก
30 วัน เปลี่ยนรางเพิ่มอีก 100 ก.ม. สายเหนือพร้อมเปิดบริการ 1 ธ.ค.56 ยันหากทำเสร็จสมบูรณ์จะไม่มีปัญหารถไฟตกรางจากเหตุสภาพทางอีก 100 เปอร์เซ็นต์
เมื่อวันที่ 25
ต.ค.56 นายประภัสร์
จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) พร้อมด้วยนายสุประภาส เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
วิศวกร ใหญ่ฝ่ายการช่างโยธา การรถไฟแห่งประเทศไทย
ได้ร่วมกันแถลงผลความคืบหน้าการซ่อมแซมรางรถไฟสายเหนือ
ตั้งแต่สถานีรถไฟศิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์ ถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ หลังจากปิดทางเมื่อวันที่ 16
ก.ย. 56 ที่ผ่านมา โดยจะครบกำหนด 45 วันในวันที่ 31 ต.ค.56 นี้
นายประภัสร์
จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า
หลังจากที่ปิดรถไฟสายเหนือเพื่อซ่อมแซมรางรถไฟ ได้ทำการเปลี่ยนไม้หมอนเป็นคอนกรีต และเปลี่ยนรางรถไฟเป็นขนาด 100 ปอนด์ โดยเน้นการซ่อมแซมอุโมงค์ทั้ง 4 แห่งเป็นหลัก คือ อุโมงค์ปางตูบขอบ อุโมงค์เขาพลึง อุโมงค์ห้วยแม่ลาน และอุโมงค์ขุนตาน และจุดเสี่ยง เช่น ทางโค้ง
ทางขึ้นเขาต่างๆ
ซึ่งตามแผนงานได้ดำเนินการไปแล้ว 84 เปอร์เซ็นต์
แต่เมื่อเข้าไปดูหน้างานแล้วปรากฏว่ายังมีสภาพทางที่จะเป็นต้องมีการปรับปรุงอยู่อีกหลายจุด ซึ่งหากทำงานตามแผนงานเดิมจุดเสี่ยงเหล่านี้ก็จะยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงเห็นว่าเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด
และจำเป็นอย่างมากเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ควรจะมีการเปลี่ยนรางเพิ่มขึ้น
จากแผนเดิม 105 ก.ม.เป็น 203 ก.ม.ดังนั้น
ได้มีการหารือกันว่าต้องขยายเวลาทำให้เรียบร้อยและสมบูรณ์ ไปอีก 30 วัน จนถึงวันที่ 30 พ.ย.56 โดยเปิดใช้บริการในวันที่ 1
ธ.ค.56 และขอยืนยันว่าเมื่อเปิดใช้บริการแล้ว จะไม่มีการตกรางจากเหตุของสภาพทางอีก
100 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นระหว่างที่มีการซ่อมทางนั้น
เจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างกล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการตรวจสอบล้อเลื่อน
ตู้โดยสาร หัวรถจักร ของขบวนที่วิ่งในสายเหนือ
และให้ความมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาการชำรุดของชิ้นส่วนต่างๆ
เพราะมีการปรับปรุงตัวน๊อตยึดให้ดีขึ้น
ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในส่วนของหัวรถจักรได้มีการเซ็นสัญญาสั่งซื้อไปแล้ว 20 หัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ต้องใช้เวลาผลิตประมาณ 10
เดือน นอกจากนี้ยังทำการประกวดราคาไปอีก 50 หัว อยู่ระหว่างการหาผู้ผลิตคาดว่าจะได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 สำหรับตู้โดยสารได้มีการสั่งซื้อไป 115 ตู้ และกำลังจะเซ็นสัญญา และจัดซื้อแคร่บรรทุก 308
แคร่
ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ โดยอีก 2
ปีข้างหน้าจะได้มีการเริ่มใช้งานหัวรถจักรและตู้โดยสารล็อตใหม่ดังกล่าว
นายประภัสร์
กล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนผู้ใช้บริการที่ได้ซื้อบัตรโดยสารไว้แล้ว
สามารถเก็บไว้ใช้ในวันที่ 1 ธ.ค.56 ได้ หรือขอคืนบัตรโดยสาร
ทางการรถไฟจะคืนเงินให้เต็มจำนวน ทั้งนี้
ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าการเดินทางทางรถไฟมีความปลอดภัย
และสามารถรองรับการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีต่อไปในอนาคต
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 950 วันที่ 1 - 7 พฤศจิกายน 2556)