ภาคเอกชนให้การบ้านผวจ.สานต่อโครงการพัฒนาเศรษฐกิจรับอาเซียน
และยึดแนวทาง 3 ยุทธศาสตร์ เมืองเซรามิค เกษตรปลอดภัยและศูนย์กลางพลังงาน ด้านผวจ.ระบุต้องถอดแบบจากพื้นฐานความเป็นจริงที่สมดุลไม่ใช่แค่ฝัน
พร้อมดันลำปางเป็นนครแห่งความสุข
วันที่
8 ต.ค. 2556 นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางประชุมร่วมกับภาคเอกชนในจังหวัดลำปาง
ทั้งหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง สมาคมท่องเที่ยวนครลำปาง
สมาคมเหมืองแร่ สมาคมไม้ สมาคมธุรกิจร้านอาหาร ชมรมธนาคาร
รวมถึงตัวแทนจากปูนซิเมนต์ไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับยุทธศาสตร์จังหวัดลำปาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ในที่ประชุมได้เสนอให้พัฒนาการท่องเที่ยวเป็นช่องทางการทำรายได้หลัก
เพราะการท่องเที่ยวจะเชื่อมโยงถึงธุรกิจและรายได้เข้าจังหวัดได้ง่าย ขณะที่หอการค้าจังหวัดลำปาง
โดยนายอนุวัฒน์ ภูวเศรษฐ ได้ฝากประเด็นในการพิจารณาสานต่อโครงการที่ทำไว้ในสมัยของผู้ว่าราชการจังหวัดคนเดิม
ซึ่งเป็นโครงการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน
1 คือ โครงการแลนด์โลจีสติก ศูนย์กลางขนส่งทางบกโดยเตรียมพื้นที่ราชพัสดุ
อำเภอเกาะคารองรับการลงทุน โครงการถนนเลี่ยงเมือง
รองรับเส้นทาง R3A โครงการผลักดันให้ลำปางเป็นศูนย์กลางพลังงาน
(Energy Hub)
ซึ่งเป็นโอกาสที่จะมีการวางท่อก๊าซและน้ำมันตามเส้นทางรถไฟความเร็วสูง
มาถึงลำปางได้ นอกจากนี้ยังผลักดันโครงการผลิตเชื้อเพลิงอัดเม็ดชีวะมวลจากเศษวัสดุเหลือใช้ และโรงไฟฟ้าชุมชน รวมถึง โครงการอุตสาหกรรมสะอาด (Clean
industry ) เพื่อรองรับการเอ่อล้นของอุตสาหกรรรมลำพูน
นอกจากนี้
ยังระบุว่า ยุทธศาสตร์จังหวัดเดิม กำหนดให้ลำปาง มี 3 ยุทธศาสตร์ คือ เมืองเซรามิก
(Ceramic city) แหล่งผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย และศูนย์กลางขนส่งทางบก
(land logistic) นอกจากนี้ยังมีโครงการส่งเสริมการปลุกต้นฉำฉาเลี้ยงครั่งเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจรายได้และเพื่อสิ่งแวดล้อม
และซึ่งจะเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาผลักดันต่อ
ขณะที่สมาคมท่องเที่ยวนครลำปาง
โดยนายธนา แก้วนิล เสนอในประเด็นของการส่งเสริมการท่องเที่ยว และการพัฒนาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวให้มีจุดเด่นสร้างรายได้
รวมถึงการออกโร้ดโชว์ในประเทศกลุ่มอาเซียนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง และ ยังมีนักวิชาการอิสระ
โดยนาง ศรีสุข นิลกรรณ เสนอให้มีการนำผลงานวิจัยของนักวิชาการทุกสถาบันที่ได้ทำไว้
มาเป็นฐานข้อมูลในการพัฒนายุทธศาสตร์จังหวัด ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัด
มีความเห็นว่า โครงการที่ทำได้เลย 3 โครงการ คือโครงการพลังงานชีวะมวล โครงการแลนด์โลจีสติก
และโครงการส่งเสริมปลูกฉำฉาเลี้ยงครั่ง ส่วนเรื่องอื่นจะนำประเด็นทั้งหมด
เข้าที่ประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.)เพื่อพิจารณาต่อไป
ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
กล่าวอีกว่า จากที่เคยรับราชการที่จังหวัดลำปางเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
การกลับมารับราชการในพื้นที่ลำปางครั้งนี้พบว่าลำปางมีความเจริญและเปลี่ยนแปลงไปหลายส่วน เช่นการขยายความเจริญในเขตมีความชัดเจนขึ้น
แต่ปัญหาเดิมที่เคยมีอยู่ก็ยังไม่ได้รับการพัฒนาแก้ไข
เช่นปัญหาในภาคอุตสาหกรรมเซรามิคก็ยังคงเป็นปัญหาเดิม
ทั้งนี้ได้แลกเปลี่ยนในที่ประชุมว่า การกำหนดยุทธศาสตร์ลำปาง
จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลวิจัยและพัฒนา (R&D :The Research and Development) จากรากฐานที่แท้จริงว่าลำปางมีศักยภาพอะไรบ้างที่สามารถพัฒนาก้าวหน้าเป็นไปได้
ภายใต้งบฯยุทธศาสตร์ ที่ได้เท่ากัน 200 ล้านบาททุกจังหวัดให้คุมค่าและเกิดผล
ไม่ใช่แค่ฝันแต่ทำไม่สำเร็จ
“ผมมองว่ายุทธศาสตร์
ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงไม่ใช่แค่กำหนดตามความฝัน
ผมจำได้ว่าภาคเหนือตอนล่างเคยกำหนดยุทธศาสตร์สี่แยกอินโดจีนช่วงพิษณุโลก-อุตรดิตถ์
แต่จนถึงทุกวันนี้ ผ่านมา 20 ปีก็ยังเป็นสี่แยกที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร
เป็นรูปธรรม เมื่อมองในส่วนของลำปางนั้นผมยังมองว่า ลำปางไม่ใช่เมืองอุตสาหกรรม
หากอยู่ดีๆจะเอาอุตสาหกรรมมาตั้ง มันไม่ใช่ เพราะนอกจากจะมองเรื่องวัตถุดิบแล้ว
ยังต้อง เตรียมระบบและปัจจัยผันแปรอื่นๆ ดังนั้นต้องถอดแบบ ว่าจริงๆแล้ว
ลำปางเป็นอย่างไรและเมืองที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่น่าอยู่อย่างเช่นศิลปะล้านนาในวัดไทยและพม่าที่โดดเด่น
ผมมีความตั้งใจว่า อยากพัฒนาในแต่ละส่วนให้สมดุลเป็น "นครแห่งความสุข"
เช่นเดียวกับ ประเทศ เวียดนาม พม่า ลาว เมื่อจะเข้า AEC แล้ว แต่วิถีชีวิตของประชาชนยังเหมือนเดิม”
ในส่วนของการเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
(AEC)
ในเรื่องธุรกิจหรืออุตสาหกรรมก็ต้องเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสะอาด
มีการเชื่อมโยงเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของพื้นที่ทิศเหนือ กับเชียงใหม่ ทางทิศใต้
เชื่อมโยงกับตากและชายแดนแม่สอด และพื้นที่เชื่อมโยงกับเส้นทาง R3A ที่จะตัดผ่านจากสะพานมิตรภาพไทยลาว ที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
นอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายโซนนิ่งเกษตร อาจจะต้องดูว่า
สินค้าเกษตรในเขตโซนนิ่งจะเชื่อมโยงอย่างไร ทำตลาดอย่างไร
สินค้าและอุตสาหกรรมรวมถึงการท่องเที่ยวของลำปางต้องการรายได้เท่าไหร่
โดยต้องศึกษา
และออกแบบยุทธศาสตร์ร่วมกันระหว่างจังหวัดกับภาคเอกชนอีกครั้งเพื่อกำหนดแนวทางใหม่ที่ชัดเจน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 947 วันที่ 11 - 17 ตุลาคม 2556)