ไทยรีเฟอร์โกอินเตอร์
เตรียมนำเสนอผลงานที่ประเทศญี่ปุ่น เล็งเปิด AEC ปี 58 ส่งโปรแกรมใช้ข้ามประเทศ ลาว พม่ารอรับ
หลังจากที่โรงพยาบาลลำปางประสบผลสำเร็จในการพัฒนาโปรแกรม “ไทยรีเฟอร์” ประจำที่ห้องฉุกเฉิน ใช้ส่งต่อผู้ป่วยหนัก/ฉุกเฉินแบบไร้รอยต่อ
ส่งภาพผู้ป่วย ข้อมูลประวัติ ผลแล็ปออนไลน์ หรือ ผ่านทางสมาร์ทโฟน
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเตรียมการรักษารอที่ห้องฉุกเฉินก่อนผู้ป่วยไปถึง
ไม่ต้องตรวจแล็ปใหม่ มีระบบติดตามพิกัดรถฉุกเฉิน ช่วยชีวิตผู้ป่วยได้รวดเร็ว
ลดอัตราเสียชีวิต ขณะนี้นำมาใช้แล้ว 52 จังหวัด 726 โรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน
พบได้ผลดี วางแผนประยุกต์ใช้รองรับกรณีภัยพิบัติ ช่วยบริหารจัดการคล่องตัว ล่าสุดโรงพยาบาลลำปางได้เตรียมนำเสนอผลงานของโปรแกรมไทยรีเฟอร์ออกสู่ต่างประเทศ
สร้างชื่อเสียงให้ จ.ลำปางและประเทศไทย
ลานนาโพสต์จึงได้ติดตามเรื่องราวความเป็นมาของไทยรีเฟอร์ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งพบว่าสามารถช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยได้ถึง 30
เปอร์เซ็นต์
นายธีรินทร์ เกตุวิชิต หัวหน้าศูนย์คอมพิวเตอร์
โรงพยาบาลลำปาง ผู้ริเริ่มโปรแรมไทยรีเฟอร์
เปิดเผยว่า โปรแกรมไทยรีเฟอร์ได้เริ่มขึ้นในชื่อของลำปางรีเฟอร์ลิ้ง
เมื่อปี 2553 โดยเกิดจากความตั้งใจของตนและเพื่อนที่อยากทำบุญ
เพราะเคยเจอเคสคนไข้รายหนึ่งที่ส่งต่อมาจาก อ.แจ้ห่ม เมื่อทางแพทย์
รพ.ลำปางขอข้อมูลกลับไม่มีใครตอบได้ มีเพียงการวินิจฉัยของแพทย์จาก
รพ.แจ้ห่มเขียนมานิดหน่อยเท่านั้น จึงไม่ทราบว่าประวัติคนไข้มาก่อน ทำให้การรักษาไม่ต่อเนื่องและคนไข้รายนั้นได้เสียชีวิตลง
จึงเกิดแรงบันดาลใจในการทำโปรแกรมนี้ขึ้น ซึ่งพยายามหาซอฟแวร์ในประเทศไทย
แต่ก็ไม่มีที่สามารถตอบโจทย์ของเราได้ จึงเขียนขึ้นใหม่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีอีก
2 คนช่วยกัน
ซึ่งในตอนแรกมีอุปสรรคในการทำงานคือ ทางแพทย์และพยาบาลหลายคนมองว่าเป็นไปไม่ได้
จึงไม่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลที่จะต้องมาปรับใช้กับผู้ทำงานจริง
แต่ยังโชคดีที่พบแพทย์และพยาบาลใจดีเข้ามาช่วยเหลือ
จึงเกิดโปรแกรมขึ้นมาได้
ก่อนที่จะนำมาใช้งานจริงนั้น
ทางผู้บริหารโรงพยาบาลก็ไม่ทราบว่ามีโปรแกรมนี้
ซึ่งผมได้มีการติดต่อเพื่อขอเข้าพบนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง
เพื่อขอโอกาสให้ไปนำเสนอผลงาน ต้องเดินเรื่องถึง 9
ครั้งกว่าจะได้เข้าพบ เมื่อได้นำเสนอผ่านไปอีก 2 วัน
ทางสาธารณสุขได้เรียกประชุม
ผอ.โรงพยาบาลทั้งจังหวัดให้เข้ามารับฟังการนำเสนอโปรแกรมของผม และให้เริ่มติดตั้งภายใน
2 สัปดาห์
จากนั้นทุก 3 เดือนได้มีการติดตามผลการทำงาน
พบว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
นายธีรินทร์
กล่าวต่อไปว่า โปรแกรมนี้ได้มีการพัฒนาขึ้น
โดยร่วมมือกันระหว่างฝ่ายคอมพิวเตอร์ กับแพทย์และพยาบาลผู้ใช้งาน
รวมทั้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ใช้เวลา 2
ปีกว่าในการพัฒนาเรื่อยมา โดยพยายามลดความซับซ้อนให้แก่ผู้ใช้งาน
ให้ทำงานได้เร็วที่สุด หรือที่เรียกว่า One Click กดแค่ครั้งเดียวได้ข้อมูลทั้งหมด
ซึ่งเห็นว่าทุกห้องในโรงพยาบาลมีการทำข้อมูลพื้นฐานของคนไข้อยู่แล้ว
จึงได้รวบรวมข้อมูลที่แพทย์และพยาบาลต้องการทราบ
ประวัติการรักษาทั้งหมดมาบรรจุไว้ในโปรแกรม
แต่ทั้งนี้เราต้องอ้างอิงตาม พ.ร.บ.ข่าวสาร และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือไม่ จึงต้องศึกษาตัวกฎหมายมากพอสมควรในการดำเนินการ จนในเดือนกรกฎาคมปี
2555 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นไทยรีเฟอร์
เนื่องจากมีโรงพยาบาลต่างจังหวัดหลายแห่งสนใจเข้ามาดูงานและนำโปรแกรมไปใช้
จนปัจจุบันมีการใช้งานแล้วใน 52 จังหวัด 726 โรงพยาบาล
“เราจะไม่นำโปรแกรมไปเสนอขาย
แต่จะให้เฉพาะคนที่มีความต้องการจริงๆ
เพราะเขาจะเห็นคุณค่าในการใช้งานมากกว่า
ส่วนใหญ่โรงพยาบาลต่างๆก็จะเข้ามาศึกษาดูงานเอง
หากเห็นว่าใช้กับงานของเขาได้ก็จะเชิญเราไปติดตั้ง หลังจากติดตั้งก็จะมีทีมแพทย์
พยาบาล และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเข้าติดตามผล
ซึ่งพบว่าทุกแห่งที่ได้รับการติดตั้งโปรแกรมไทยรีเฟอร์ของเรามีความสุขกับการใช้งานอย่างมาก
และเป็นที่ภาคภูมิใจของผมอย่างที่สุดว่า การทำงานด้วยโปรแกรมไทยรีเฟอร์
ทำให้มีคนไข้รอดชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์” ผู้ริเริ่มโปรแกรมฯ กล่าว
นอกจากนี้โรงพยาบาลลำปางยังได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน
THAILAND
ICT AWARD 2013 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เมื่อเดือนกันยายน 2556 ที่ผ่านมา โดยได้มีการนำเสนอการทำงานของโปรแกรมไทยรีเฟอร์
ที่เป็นการทำงานโดยจิตอาสา ไม่มีค่าใช้จ่าย
ผู้เข้าร่วมงานต่างตกใจว่าเราสามารถทำได้อย่างไร
เพราะส่วนใหญ่การทำโปรแกรมต่างๆจะออกมาในเชิงของธุรกิจ แต่ของเราไม่มีการใช้ทุน
ใช้งานภายในจังหวัด มีมาร์เกตแชร์คือผู้ใช้งาน จึงทำให้เราติด 1 ใน 4 และตอนนี้กำลังจับมือกับบริษัททรูคอปเปอร์เรชั่น
ในการขอใช้ซิมการ์ดและส่งข้อความฟรี เพื่อส่งให้แพทย์ปลายทาง กรณีผู้ป่วยวิกฤต
ซึ่งจะสามารถส่งภาพทางไลน์ อีเมล์ เพราะในส่วนนี้มีค่าใช้จ่ายมาก
จึงขอให้ทรูเข้ามาช่วยสนับสนุน โดยทางทรูได้รับหลักการแล้ว
และจะส่งซิมการ์ดเข้ามาให้ ทางเราได้ขอไปทั้งหมด 27 ซิม
เพื่อใช้ในรถรีเฟอร์ทุกคัน
ทราบข่าวว่าจะไปนำเสนอโปรแกรมไทยรีเฟอร์ที่ประเทศญี่ปุ่น นายธีรินทร์
กล่าวว่า เราได้ส่งเรื่องเข้าไปให้ทางญี่ปุ่นอนุมัติรับเรื่องเข้าไป งานนี้จะเป็นการนำเสนองานที่โรงพยาบาลของประเทศญี่ปุ่น
เป็นเรื่องการแพทย์ฉุกเฉินโดยตรง
ซึ่งสิ่งที่จะไปนำเสนอในโปรแกรมของเราจะเน้นเรื่องเวลาในการทำงานของแพทย์-พยาบาล
ใช้เวลาส่งคนไข้จากต้นทาง-ปลายทางกี่นาที เราไม่ได้หวังว่าจะได้รางวัล
หวังให้ต่างประเทศได้รับทราบว่าประเทศไทยมีโปรแกรมดีๆแบบนี้ด้วย
เพราะที่ผ่านมามีใช้แต่ในประเทศอังกฤษ และอเมริกา
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าหากต่างประเทศสนใจติดตั้งโปรแกรมนี้เป็นไปได้หรือไม่ นายธีรินทร์ กล่าวว่า ตอนนี้กำลังรอเปิด AEC
โดยจะได้มีการพัฒนาโปรแกรมไปสู่ระดับอาเซียน ซึ่งทราบว่ามีประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว
และพม่า ให้ความสนใจ เนื่องจากมีเขตติดต่อกับประเทศไทยและส่งต่อคนไข้กันอยู่แล้ว
แต่ยังติดในเรื่องกฎหมายทางข้อมูลที่ยังต้องปรึกษาหารือกับทางผู้ใหญ่อยู่ ต้องรอปี
2558 คาดว่าจะดำเนินการได้
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 947 วันที่ 11 - 17 ตุลาคม 2556)