มีเพียงบางถ้อยคำที่
แอน สุทธิรัตน์ มุตตามระ พูดถึงปฎิบัติการพิชิตอดีตพระมิตซูโอะ คเวสโก วัย 62 ที่เกาะฮ่องกง จนกระทั่งพรหมจรรย์ของพระผู้อยู่ในพรรษามายาวนานกว่า 3
ทศวรรษ ต้องขาดสะบั้นลง ระหว่างการเปิดตัวหนังสือ 2 เล่ม “ความในใจ..อาจารย์มิตซูโอะ” และ “บทเทศน์วันสุดท้ายในเพศบรรพชิต”
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สุทธิรัตน์ ในชุดขาวลายลูกไม้ ผมยาวสลวย สวยสมวัย
กล่าวถ้อยคำในประเด็นที่อ่อนไหวแทนอดีตพระมิตซูโอะ
“..ที่กระแสโจมตีว่ามีความสัมพันธ์กันที่คลินิคของดิฉันบ้าง
หรือที่คอนโดย่านถนนเจริญกรุง ขอยืนยันว่า ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยามีขึ้นครั้งแรก
ขณะไปฮันนีมูนคืนแรกที่ฮ่องกง ยอมรับว่ามีความสุขมากที่สุดในชีวิต”
หากคำเล็กกลายเป็นคำใหญ่
เป็นคำที่มาของหัวข่าว “ไทยรัฐ” ฉบับวันอังคารที่ 8 พุธที่ 9 ตุลาคม 2556 สองฉบับต่อเนื่อง
“โดน
เปิดซิง อายุ 62 มิตซูโอะ แฉสีกาแอนคนแรก”
“เผย
ตะกายสวรรค์ คืนแรก”
กรณีอาจารย์มิตซูโอะ
คเวสโก และสุทธิรัตน์ มุตตามระ มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ “สิทธิส่วนบุคคล”
และมีการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
หากพิจารณาเนื้อหาของข่าวแล้ว ใจความสำคัญเรื่องนี้
อยู่ที่การทำความเข้าใจต่อสาธารณชนของบุคคลทั้งสองในเรื่องความสัมพันธ์
ที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน และอาจมีผลกระทบต่อพระพุทธศาสนา
อันเป็นประโยชน์สาธารณะ กรณีจึงมีข้อสงสัยว่า พาดหัวข่าวเช่นนี้ ขัดต่อจริยธรรมและเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือไม่
เมื่อพิจารณาเนื้อหา
และหลักในการใช้ภาษาที่มีรสนิยมแล้ว
“การพาดหัวข่าว หรือความนำของหนังสือพิมพ์ ต้องไม่เกินไปจากข้อเท็จจริงในข่าว
และต้องสะท้อนใจความสำคัญหรือเนื้อหาหลักของข่าว
การพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดังกล่าว มีลักษณะที่มุ่งต่อเรื่องส่วนตัว
และอาจมีลักษณะล่วงละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลที่ตกเป็นข่าว
มิได้สะท้อนใจความสำคัญของข่าว คือ
การนำเสนอข้อเท็จจริงในความสัมพันธ์ของบุคคลที่อาจมีผลต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนทั่วไปในเรื่องของศาสนา
หาใช่ก้าวล่วงไปในรายละเอียดเรื่องส่วนบุคคลที่อาจมีจุดมุ่งหมายต่างไป
ถึงแม้ว่า
ในเชิงคุณค่าข่าว เรื่องราวทางเพศ
จะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สามารถเรียกร้องความสนใจ เป็นเรื่องที่ปุถุชนสนใจ
หรือที่เรียกว่า Human Interest ตามหลักวิชาการด้านวารสารศาสตร์
โดยเฉพาะเรื่องเพศหรือเรื่องส่วนตัวของบุคคลสาธารณะ (Public figure)
ในแง่ของธุรกิจ
หัวข่าว หรือความนำข่าวในลักษณะเช่นนี้ ย่อมเป็นหัวข่าวที่ “ขายได้”
แต่นอกเหนือจากเป้าหมายในเชิงธุรกิจ
ในฐานะที่องค์กรสื่อดำรงสถานะเป็นสถาบันธุรกิจอีกบทบาทหนึ่งแล้ว
สื่อหรือหนังสือพิมพ์จะต้องคำนึงถึงบทบาทในเชิงอุดมการณ์นั่นคือความรับผิดชอบ
และความเคารพในผู้บริโภคข่าวสารด้วย
โดยวิชาชีพของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐย่อมมีวิจารณญาณในการนำเสนอข่าวและภาพตามนโยบายและเป้าหมายขององค์กร
แต่ในฐานะของหนังสือชั้นนำของประเทศที่มีผู้อ่านสูงสุดภาพและข่าวที่หวือหวา
ส่อเจตนาหยิบฉวยเรื่องส่วนตัวของอดีตพระมิตซูโอะ และสีกาแอน
มาขยายความใหญ่โตในภาษาที่ไร้รสนิยม ย่อมส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างปฎิเสธไม่ได้