วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หยุดทำร้ายประเทศชาติ



ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่หลุดพ้นมาในช่วงค่ำคืนของวันฮาโลวีน คืนวันปล่อยผี หลายคนเรียก ว่าพ.ร.บ.ข่มขืน เหตุเพราะผ่านวาระ 3 ในยามวิกาล ซึ่งผลที่ตามมาทั้งในโลกโซเชียลมีเดีย และเครือข่ายข่าวทุกสำนักเช้าวันที่ 1 พฤศจิกายน ได้แพร่สะพัด และทำให้เกิดการรวมตัวเพื่อต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยนี้ทั่วประเทศ
ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักการ มีลักษณะขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม เป็นช่องทางให้เกิดการคอรัปชั่นมากขึ้นในสังคมไทย อีกทั้งเป็นการบั่นทอนกำลังใจ คนดีมีคุณธรรม และลดทอนคุณค่าของคุณงาม ความดี เรียกได้ว่าเป็นภัยร้ายแรงอย่างยิ่งสำหรับประเทศชาติในอนาคต

รัฐที่ดีต้องปกครองด้วยกฎหมายมิใช่มนุษย์ และไม่ใช่ปกครองด้วยกฎหมายซึ่งมาจาก เสียงข้างมากที่ไม่ได้สะท้อนผลประโยชน์ของชาติและประชาชนอย่างแท้จริง หากมุ่งหมายเพื่อตนเองและพวกพ้อง ในขณะเดียวกันอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติก็ไม่สามารถถ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหารตามหลักการที่ถูกต้องได้ ในแง่ของความเป็นธรรม หรือหลัก นิติธรรม”  ซึ่งหมายถึงความเป็นธรรมที่มีอยู่ในกฎหมาย เป็นกฎ ระเบียบ แบบแผนที่สังคมยอมรับ และยินยอมพร้อมใจปฎิบัติตาม เมื่อพิจารณาประกอบกับเนื้อหาและเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้แล้ว เห็นว่าขัดกับหลักการทั้งเรื่อง นิติรัฐ และนิติธรรมอย่างสิ้นเชิง

เมื่อกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ คนทำผิดกฎหมาย ทั้งที่มีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว หรืออยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณา สามารถที่จะยกเลิกเพิกถอนคำพิพากษานั้นได้ในภายหลัง หรือพ้นไปจากข้อกล่าวหาโดยยังไม่มีการพิสูจน์ความผิดใดๆ การปฎิบัติตามกฎหมายก็จะไม่สำคัญอีกต่อไป อำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดโดยหลักการ ที่จะเป็นหลักประกันว่า บุคคลทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน และหากกระทำความผิดไม่ว่าคดีแพ่ง หรืออาญา ก็จะต้องได้รับการพิจารณาพิพากษาโดยศาลเดียวกัน อย่างเสมอหน้ากัน ก็จะไม่สามารถเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนได้อีก

มติจากเสียงข้างมาก แต่หากไม่ได้อยู่บนหลักการและพื้นฐานเพื่อประโยชน์สาธารณะ ก็ไม่สามารถรับรองความถูกต้องตามหลักการของการตรากฎหมายที่จะต้องคำนึงถึงหลักนิติธรรม และไม่สามารถที่จะอ้างความชอบธรรมได้  หลายคนอาจจะมองว่าธงชัยไม้เด็ดของการปัดร่าง พ.ร.บ.นี้ อยู่ในอำนาจของวุฒิสภาที่รัฐบาลไม่อาจก้าวล่วงเข้าไปชักจูงได้

แต่การยับยั้งร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมของวุฒิสภาอาจไม่เป็นเหตุให้กฎหมายตกไป ถ้าสภาผู้แทนราษฎรลงมติยืนยันร่างเดิมมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ถือว่าร่างพระราชบัญญัตินั้นได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา

นั่นหมายความว่ายังมีความเป็นไปได้หากที่ พ.ร.บ.นี้จะเดินทางไปถึงธงที่ปักไว้ และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนไทยทุกกลุ่มลุกขึ้นมาเป่านกหวีด รวมตัวชุมนุมต่อต้านเพื่อไม่ให้ พ.ร.บ.สุดซอยเดินสู่จุดหมายปลายทางที่ฝันไว้

ล่าสุดที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและปรองดองแห่งชาติทั้ง 6 ฉบับ หลังเกิดกระแสต่อต้านหนักโดยนายกฯแถลงยืนยันพ้น 180 วัน จะไม่หยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีก

ถึงแม้ว่าตอนนี้รัฐบาลจะยอมถอย แต่หลายฝ่ายก็ยังวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความเป็นห่วงบ้านเมืองว่าอาจจะการมีสับขาหลอก ถอยทัพเพียงเพื่อให้เหตุการณ์สงบดีกว่าดื้อดึงจนพังพินาศกันทุกฝ่าย

แต่หากมองย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในห้วงเวลาสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่ พ.ร.บ.ข่มขืน ถูกปล่อยออกมานั้น เราได้เห็นการรวมตัวของคนไทยที่ออกมาต่อต้านอย่างสงบ ซึ่งนั่นยังหมายถึงความปรองดองที่ไม่เคยจางหายไปจากคนไทย


แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่อาจวางใจได้


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 951 วันที่ 8 - 14 พฤศจิกายน 2556)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์