สภาพอากาศหนาวเย็นในพื้นที่
จ.ลำปาง ได้เริ่มตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ช่วงวันที่ 5-10 ธ.ค.56
อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส โดยได้อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะวันที่ 18 ธ.ค.56 มีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 8.6
องศาเซลเซียส วันที่ 19 ธ.ค.56 มีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 8.8
องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นวันที่อากาศหนาวที่สุดของปีนี้ก็ว่าได้
และอากาศก็ยังคงหนาวอย่างต่อเนื่องล่าสุดวันที่ 23 ธ.ค.56
อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 9 องศาเซลเซียส วันที่ 24 ธ.ค.56
อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 9.5 องศาเซลเซียส และวันที่ 29 ธ.ค.56ซึ่งเป็นวันสุดสัปดาห์ของปี 56
มีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 11.4 องศาเซลเซียส
จากพยากรณ์พบว่าทางภาคเหนือจะยังคงหนาวต่อเนื่องไป ในช่วงวันที่ 29-31 ธ.ค.56บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงยังคงปกคลุมประเทศไทย
ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า
โดยบริเวณเทือกเขาสูงในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จะมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่
1- 4 ม.ค. 56 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยจะมีกำลังอ่อนลง
ทำให้ทั่วประเทศมีอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป
และมีหมอกเพิ่มมากขึ้นกับมีหมอกหนาในหลายพื้นที่
ในภาคเหนือช่วงวันที่
29-31 ธ.ค. 56 อากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด
8-12 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-26 องศาเซลเซียส
สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 2-5 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็ง
ในบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 1-4 ม.ค. อากาศหนาว อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย
โดยมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นทีอุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 25-29 องศาเซลเซียส
สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-7 องศาเซลเซียส
จากสภาพอากาศดังกล่าวทำให้เกิดหมอกปกคลุมทั่วพื้นที่
ยังคงก่อให้เกิดปัญหาต่อทัศนวิสัยในการขับขี่
และสายการบินที่ต้องรับส่งผู้โดยสารในช่วงเช้า
นายทิวา
พันธ์ไม้สี หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยา
เปิดเผยว่า สภาพอากาศวันที่ 29 ธ.ค.56 เวลา 07.00
น. ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน
จึงทำให้ในพื้นที่ เกิดความหนาวเย็นมากและมีหมอกหนาในตอนเช้า กระทบต่อเครื่องบินโดยสาร ขนาด 70 ที่นั่ง
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะบินมาถึงและลงจอดที่ท่าอากาศยานลำปาง
ต้องเสียเวลาไปนานเกือบ 1 ชั่วโมง สามารถลงจอดได้ในเวลา
10.00 น. เดิมที่จะต้องลงจอดในเวลา 09.15 น.เพราะต้องรอให้แดดออก และปริมาณหมอกลดลงไปก่อน
โดยเครื่องจะต้องเปลี่ยนทิศทางลงมาลงรันเวย์ทางทิศเหนือของสนามบินแทน ส่วนก่อนหน้านั้นเครื่องบินต้องจอดรออยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เพื่อรอรายงานสภาพอากาศ และทัศนวิสัยดีขึ้น
ก่อนที่จะยกตัวขึ้นจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งถือว่าเกิดความเสียเวลาต่อเนื่อง
หลังจากมีหมอกลงหนาจัดในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.ลำปาง
ทั้งนี้
จากสถิติอากาศหนาวในพื้นที่ จ.ลำปาง พบว่าในปี 56 นี้
อุณหภูมิลดต่ำลงมากจากหลายปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2553-2555 อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่
13-15 องศาเซลเซียส จะมีในปี 52 ที่มีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่
9.2 องศาเซลเซียส ซึ่งผ่านมา 5 ปีแล้ว
จนกระทั่งปี 56 จึงได้ทุบสถิติอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 8.6 องศาเซลเซียส สำหรับสถิติของอุณหภูมิต่ำสุดที่ จ.ลำปาง
พบว่าอยู่ที่ 3.9 องศาเซลเซียส เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2517
เมื่อ 39 ปีที่ผ่านมา
สภาพอากาศหนาวเย็นส่งผลกระทบให้มีราษฎรได้รับผลกระทบ
122,441 คน
โดยจังหวัดลำปางได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยหนาวทั้ง 13 อำเภอ 100 ตำบล 931
หมู่บ้าน 445 ชุมชน
ในเขตเทศบาล 42 เทศบาลแล้วเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 959 3 - 9 มกราคม 2557)