วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

ไฟป่าลำปางเกิดถี่ หมอกควันพุ่งสองวันซ้อน


สถานการณ์ไฟป่าที่จังหวัดลำปางปีนี้น่าห่วง ลำปางค่าฝุ่นละออกขนาดเล็กเกินมาตรฐานแล้ว 2 วัน แม้จังหวัดจะประกาศเขตควบคุมไฟป่าทั้งจังหวัด กำหนดช่วงห้ามเผา 100 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 27 ม.ค.- 6 พ.ค.57  แต่ลักลอบเผาพื้นที่ป่าเริ่มถี่ขึ้น

เมื่อวันที่ 28 ม.ค.57 นายเสกสรรค์ แดงใส ประธานชมรม We Love The King We Love Thailand นครลำปาง เปิดเผยว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่าเฮาฮักม่อนพระยาแช่ จังหวัดลำปาง ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของภาคประชาชนที่มีจิตอาสา ได้รับแจ้งทั้งทางโทรศัพท์และผ่านทาง Facebook FanPage “หยุดไฟป่าลำปางบ่อยครั้งขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่วนอุทยานม่อนพระยาแช่ ด้านหลังศาลากลางจังหวัดลำปาง และไฟไหม้ป่าริมถนน เมื่อได้รับแจ้งก็จะส่งทีมงานออกไปดับไฟทันที โดยขอความร่วมมือกับส่วนราชการในพื้นที่  ล่าสุดจากการเข้าไปดับไฟที่ไหม้บริเวณดอยพระบาท ใกล้กับพื้นที่ป่าม่อนพระยาแช่ พบต้นไม้ขนาดเท่าต้นขาถูกตัดเป็นท่อนรอขนออกจากป่า เชื่อว่าจะน่าจะเป็นชาวบ้านที่เข้าไปหาของป่า ลักลอบตัดเพื่อนำไปทำฟืนและนำไปเพาะเห็ด และคนกลุ่มนี้รู้เห็นการจุดไฟเผาป่าม่อนพระยาแช่  แม้ขณะนี้จังหวัดลำปางจะมีประกาศจังหวัด กำหนดเขตควบคุมไฟป่า และกำหนดพื้นที่เสี่ยงการเกิดไฟป่าและประกาศช่วงห้ามเผา 100 วัน อันตราย ระหว่างวันที่ 27 ม.ค.- 6 พ.ค.57 พร้อมทั้งได้ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและกำนันผู้ใหญ่บ้านแจ้งขอความร่วมมือกับชาวบ้านห้ามเผาในช่วงนี้ แต่ชาวบ้านยังมีชาวบ้านกลุ่มเดิมที่ยังฝ่าฝืน การจัดการไฟป่าเมื่อได้รับแจ้งเหตุบุคลากรของส่วนราชการไม่คล่องตัวที่จะออกไปดับไฟได้ทันท่วงทีทำให้ไฟไหม้ป่าเป็นพื้นที่กว้างยากแก่การควบคุม

ภาคประชาชนจังหวัดลำปาง ภายใต้ชมรม We Love The King We Love Thailand นครลำปางจึงรวมกลุ่มชาวบ้านผู้มีจิตอาสาต้องการป้องกันและแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าของจังหวัดลำปางทำงานคู่ขนานกับหน่วยจังหวัด ทั้งนี้ ทีมงานดับไฟป่าภาคประชาชน ไม่มีค่าเบี้ยเลี้ยง หรือค่าตอบแทนจากหน่วยงานใด ทุกคนมาด้วยความสมัครใจ ค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งที่นำมาเป็นเป็นค่าอาหาร และน้ำมันเชื้อเพลิง พาหนะเดินทาง กำลังจะทำบุญทอดผ้าป่าเพื่อหาเงินสนับสนุนกิจกรรมป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่าของเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดลำปาง ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ที่วัดม่อนพระยาแช่ โดยมีกรมป่าไม้เป็นเจ้าภาพร่วม

นายเสกสรรค์ คาดการณ์ว่า สถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่จังหวัดลำปางปีนี้จะรุนแรงมากกว่าทุกปี เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้ง ฝนน้อย และอากาศหนาวเย็นมากกว่าทุกปี เมื่อเกิดไฟไหม้ป่าปัญหาหมอกควันจึงรุนแรง การป้องกันและแก้ปัญหาที่ต้นเหตุหากประชาชนในพื้นที่ให้ความร่วมมือ ไม่ให้มีการเผาโดยเด็ดขาด หากพบเห็นไฟป่าเกิดขึ้น ต้องมีทีมงานในพื้นที่รีบเข้าไปดับได้ทันที หากทำได้ปัญหาหมอกควันในจังหวัดลำปางปีนี้ลดน้อยลงแน่นอน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ จังหวัดลำปางได้ออกประกาศ กำหนดเขตพื้นที่จังหวัดลำปาง เป็นเขตควบคุมไฟป่าและกำหนดมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นายอำเภอ และหน่วยงานที่รับผิดชอบประสานผู้นำชุมชนและภาคีเครือข่าย จัดเวรยามดูแลและเฝ้ารังวังพื้นที่ หากพบผู้ใดจุดไฟเผาป่า หรือ ปล่อยให้ไฟลุกลามเข้าไปในเขตป่าอนุรักษ์ และป่าสงวนแห่งชาติ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 15 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 150,000 บาท และมีความเป็นตามกฎหมายอาญา มาตรา 220  ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ แม้จะเป็นของตนเองจนกว่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่นต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 14,000 บาทโดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ถือเป็นหน้าที่ต้องช่วยกันสอดส่องดูแลให้ประชาชนในท้องที่ปฏิบัติตามประกาศอย่างเคร่งครัด

จากการสรุปบทเรียนในปีที่ผ่านมา ไฟป่าและหมอกควันมากกว่าร้อยละ 90 เกิดจากฝีมือของคน แม้จังหวัดจะมีแผนงานจัดการไฟป่าครอบคลุมทุกด้าน แต่ในทางปฏิบัติยังไม่สามารถทำได้เต็มประสิทธิภาพ เพราะมีข้อจำกัดทั้งการให้ความร่วมมือของบุคลากร งบประมาณดำเนินงาน การเอาจริงเอาจังของหน่วยงานรับผิดชอบและหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดลำปางรุนแรงทุกปี


นอกจากนี้ยังพบว่าในปีนี้ คุณภาพอากาศหรือฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ได้เริ่มเพิ่มสูงขึ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ที่ตั้งอยู่สถานีอุตุนิยมวิทยา จ.ลำปาง ตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน อยู่ที่ 121 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และวันที่ 28 ม.ค.ฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน อยู่ที่ 128 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถึงแม้ค่าจะเกินมาไม่มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มปัญหาหมอกควันเร็วกว่าทุกปี และหากประชาชนยังไม่ตระหนักที่จะช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อม ปัญหาหมอกควันอาจจะรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนานขึ้นก็เป็นได้


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 963  31 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2557) 
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์