ปัญหาแม่น้ำวังเรื้อรังกลับมาเน่าอีกระลอก
ทั้งสาหร่าย ขยะ สิ่งปฏิกูลเพียบ ชาวบ้านเดือดร้อนกลิ่นเหม็น ภาพไม่น่ามอง งงได้รางวัลเทศบาลน่าอยู่ที่
2 ของประเทศ ขณะที่เทศบาลเผยผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำมีค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ
แต่ยังพบแบคทีเรียที่มากับอุจจาระสูงบางจุด ระบุทางกายภาพอาจมองไม่สวยงาม แต่คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดี
จะเร่งแก้ปัญหาจัดบิ๊กคลีนนิ่งครั้งที่ 3 ต้นเดือน
ก.ค.นี้ ขณะเดียวกันได้วางแผนลงพื้นที่จุดที่ตรวจพบแบคทีเรีย
เพื่อหาสาเหตุและที่มา แก้ปัญหาอย่างถูกจุด
ลานนาโพสต์ได้ติดตามปัญหาแม่น้ำวังอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ค. 56 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการตื่นตัวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาช่วยกันรณรงค์ทำความสะอาด หลังจากพบว่าแม่น้ำวังในเขตเทศบาลนครลำปางเข้าขั้นวิกฤต จากการที่น้ำเน่าเสียมีการทิ้งน้ำจากบ้านเรือนและร้านอาหารจำนวนมาก โดยได้มีการบิ๊กคลีนนิ่งแม่น้ำวังครั้งใหญ่ พร้อมสร้างเครือข่ายภาคประชาชนในการเฝ้าระวังคุณภาพแม่น้ำวัง จนกระทั่งแม่น้ำวังกลับมาดีขึ้นระดับหนึ่ง แต่จากการตรวจสอบคุณภาพน้ำพบว่ายังคงอยู่ในขั้นเสื่อมโทรม ซึ่งในปี 57 นี้ทางเทศบาลได้จัดโครงการพัฒนาและฟื้นฟูแม่น้ำวังขึ้น เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา
แต่ปรากฏว่าผ่านมา 3 เดือน แม่น้ำวังกลับมาสกปรกและเน่าเสียอีกครั้ง จากสภาพที่พบเห็นแม่น้ำวังมีสภาพตื้นเขิน มีสาหร่ายหางกระรอก แหน ผักตบชะวา ผักบุ้ง และสาหร่ายอีกหลายชนิด แพร่ กระจายเต็มผืนน้ำ มีขยะประเภทโฟม ถุงพลาสติก ขวดแก้ว มาติดค้างอยู่กับกอสาหร่าย จากภาพที่เห็นสร้างความหดหู่ให้กับประชาชนคนลำปางและนักท่องเที่ยวไม่น้อย
และมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ผ่านทางเฟสบุ๊กลานนาโพสต์จำนวนมาก เช่น “น่าจะมีการขุดลอกนํ้าวัง ปล่อยนํ้าใส นํ้าสะอาด แล้วเอาเรือมาพายเล่นขายของหรือชมสะพาน ต้องหยุดการเทนํ้าเสียลงแม่วังด้วย ตลอดสาย สะพานรัษฎาจะครบร้อยปีในอีกสองปีข้างหน้า พร้อมๆกับสถานีรถไฟ เราน่าจะเริ่มโครงการเตรียมฉลองได้แล้ว” “ไม่เข้าใจเหมือนกันเวลาไม่มีน้ำทำไมไม่เร่งกำจัดวัชพืชกันรออะไรกันครับ เทศบาลเห็นมาหลายๆๆๆๆปีแล้ว” “ตอนน้ำนอง น้ำหลาก ย่อมพัดพาหิน ดินทราย มาด้วย ร่องน้ำก็ต้องตื้นเขินขึ้นมาเรื่อยๆ อีกหน่อยร่องน้ำคงจะเสมอพื้นถนนทิพย์ช้าง สงสัยจัง ว่าทำไมไม่มีการขุดร่องน้ำ (ไม่ใช่แค่ขุดลอก) ขุดเฉพาะตรงกลาง ไม่ต้องให้ถึงริมฝั่ง เพราะฝั่งจะพัง” ฯลฯ
เมื่อสอบถามประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำวัง แม่แก้ว อายุ 70 ปี ที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้กับสะพานรัตนโกสินทร์ 200 ปี กล่าวว่า เดือดร้อนหนัก ทั้งเหม็น ทั้งเน่า ทั้งผักตบชวา จอก แหน ขวดเหล้า ขวดเบียร์ ถุงพลาสติก ที่ลอยมาติดค้างอยู่ น่าจะปล่อยน้ำจากเขื่อนกิ่วลมมาชะล้างเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นบ้าง สภาพแม่น้ำวังในตอนนี้ใครๆก็เห็นว่าน้ำเน่าเสียขนาดไหน ภาพที่เห็นเป็นหลักฐานที่บ่งบอกชัดเจน อยากจะถามเทศบาลว่า เทศบาลน่าอยู่ คว้าที่ 2 ของประเทศมาได้อย่างไร
น.ส.ปิยะธิดา หมุดคำ เปิดร้านขายสเต็ก อยู่ติดแม่น้ำวัง ใกล้กับสะพานออเร้นท์ กล่าวว่า ทางร้านจะมีบ่อเก็บกักน้ำเสีย จึงไม่ได้ปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำ ซึ่งในเรื่องนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงเรื่องทัศนียภาพของน้ำให้ดีกว่านี้ เพราะเมื่อมองไปแล้วจะเป็นขยะต่างๆ ลอยไปติดสาหร่ายซึ่งเป็นภาพที่มองดูแล้วไม่สวยงาม บางครั้งเมื่อมีลมพัดมาจะได้กลิ่นเหม็นลอยมา
เจ้าของร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งที่เปิดร้านติดกับแม่น้ำวัง
กล่าวว่า บางครั้งจะได้กลิ่นของน้ำลอยมาตามลม
แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือในเรื่องของน้ำที่ไม่ไหลหยุดนิ่ง น้ำแห้งจนเห็นทรายมีสาหร่ายขึ้นมากมายอย่างชัดเจน
ทำให้ขยะลอยมาติด เห็นแล้วดูสกปรก อยากให้ช่วยปล่อยน้ำจากเขื่อนเพื่อให้น้ำไหล
และนำสาหร่ายที่ขึ้นอยู่มากมายออก เพื่อที่จะให้น้ำหมุนเวียนได้สะดวก
จากที่ได้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ผ่านทางโซเชียลมีเดียจำนวนมาก ทางเทศบาลได้เร่งดำเนินการแก้ไข โดยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.57 ที่ผ่านมา นพ.สุรทัศน์ พงษ์นิกร รองนายกเทศมนตรีนครลำปาง กำกับดูแลด้านสาธารณะสุขและสิ่งแวดล้อมฯ ได้เรียกประชุมเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาแม่น้ำวัง ทั้งฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายกองช่างฯ เข้าหารือและหาแนวทางในการเร่งแก้ไขปัญหาแม่น้ำวังในเขตเทศบาลนครลำปาง ที่ประสบปัญหาคุณภาพน้ำต่ำกว่ามาตรฐาน โดยเฉพาะตั้งแต่สะพานออเร้นท์ สะพานพัฒนาภาคเหนือ ไปจนถึงฝายยางเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งพบว่ามีการแพร่ของสาหร่าย และปลิงเข็มที่ระบาดอย่างหนัก สร้างความเดือนร้อนแก่ประชาชนที่อาศัยแม่น้ำวังจุดดังกล่าว เป็นระยะทางยาวประมาณ 2 กิโลเมตร
นพ.สุรทัศน์ พงษ์นิกร รองนายกเทศมนตรี เปิด เผยว่า สาเหตุที่ทำให้แม่น้ำวังเน่าเสียครั้งนี้มาจากสภาพน้ำที่ตื้นเขิน และมีเนินทรายสะสมจำนวนมาก ทำให้สาหร่ายโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ ทำให้ขยะไปติดค้างจนเป็นภาพที่มองดูแล้วน่าสลดหดหู่และเศร้าใจอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการลักลอบทิ้งของเสียลงสู่ท่อระบายน้ำก่อนที่จะลงสู่แม่น้ำ วังอยู่ โดยเฉพาะของเสียประเภทอุจจาระ เนื่องจากผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำบริเวณสะพานรัตนโกสินทร์ 200 ปี (วัดเกาะวาลุการาม) และสะพานพัฒนาภาคเหนือ พบเชื้อแบคทีเรียในกลุ่มโคลิฟอร์ม หรือค่าแบคทีเรียที่เกิดจากอุจจาระของคนและสัตว์เลือดอุ่น(FCB)ยังเกินมาตรฐานอยู่ คาดว่าน่าจะมีการลักลอบทิ้งลงสู่แม่น้ำวัง จึงได้มอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขฯ เข้าตรวจสอบหาสาเหตุและแหล่งที่ลักลอบทิ้งของเสียดังกล่าว คาดว่าต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ส่วนคุณภาพน้ำหรือ ค่าออกซิเจน(DO)ยังเป็นปกติ ยังไม่กระทบต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำ
รองนายกเทศมนตรี กล่าวอีกว่า การแก้ไขเบื้องต้นได้ประสานทางสำนักชลประทานที่ 2 ลำปาง ที่กำกับดูแลโครงการกิ่วลม-กิ่วคอหมา ปล่อยน้ำออกจากเขื่อนลงสู่แม่น้ำวัง เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำเน่าเสียออกไปในช่วงปลายสัปดาห์นี้ และในวันที่ 1-3 ก.ค.57 จะได้มีการจัดกิจกรรมบิกคลีนนิ่งเดย์เป็นครั้งที่ 3 โดยขอความร่วมมือกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ 2 ฝั่งแม่น้ำวัง พร้อมกับใช้เครื่องจักรลงไป ช่วยกันเก็บกวาดขยะ สาหร่ายออกจากแม่น้ำวังในจุดดังกล่าวให้กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง ซึ่งจะทำช่วงตั้งแต่สะพานออเร้นทร์ ไปจนถึงฝายยางเฉลิมพระเกียรติ แต่การให้คนลงไปในน้ำเลยก็มีอุปสรรคคือเรือไม่สามารถลงได้เพราะน้ำตื้น และยังมีปัญหาเศษแก้วและปลิงเข็มที่อยู่ในน้ำ จึงต้องระวังส่วนนี้ด้วย ดังนั้น ต้องใช้แพและเครื่องจักรลงไปแทน นอกจากนี้ทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง ร่วมกับเทศบาล ได้มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำ ทุก 2 เดือน ที่ผ่านมาพบว่าคุณภาพน้ำมีเกณฑ์ที่ดีขึ้น สิ่ง สำคัญที่จะต้องจัดการคือ การตรวจสอบหาที่มาขอการทิ้งสิ่งปฏิกูลประเภทอุจจาระ และตรวจสอบการบำบัดน้ำเสียของบ้านเรือนและร้านอาหารก่อนลงสู่แม่น้ำวังอย่าง จริงจังต่อไป
สำหรับการขุดลอกแม่น้ำวังในจุดที่มีปัญหาน้ำตื้นเขินนั้น ทางเทศบาลได้แจ้งของบประมาณไปยังกรมเจ้าท่าแล้วขอให้เข้ามาดำเนินการในปี 58 เพราะในปี 57 กรมเจ้าท่าได้จัดสรรงบประมาณไปก่อนหน้าที่แล้ว จึงดำเนินการไม่ทัน ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ส่งหนังสือเน้นย้ำไปทางกรมเจ้าท่าอีกครั้งหนึ่งแล้ว นพ.สุรทัศน์ กล่าว
สำหรับผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำล่าสุด ในเดือน
พ.ค.57 จำนวน 6 จุด
คือ บริเวณสะพานเสตุวารี สะพานเขลางค์นคร
สะพานรัตนโกสินทร์ 200 ปี
สะพานพัฒนาภาคเหนือ
สะพานแขวนหน้าเขื่อนยาง และสะพานบ้านดงพัฒนา เพื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำที่สำคัญ ประกอบด้วย
ค่าออกซิเจน(DO) คุณภาพน้ำที่ดีจะต้องมากว่าหรือเท่ากับ 6.0
มิลลิกรัมต่อลิตร ค่าความขุ่น(BOD)จะต้องน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1.5 มิลลิกรัมต่อลิตร ค่าแบคทีเรียรวม(TCB)จะต้องน้อยกว่า
5,000 MPNต่อ 100
มล. และค่าแบคทีเรียที่เกิดจากอุจจาระของคนและสัตว์เลือดอุ่น(FCB)จะต้องน้อยกว่า 1,000 MPNต่อ 100 มล.
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 984 ประจำวันที่ 27 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2557)