15-20 บาท ประธานชุมชนอุบชื่อบริษัทเงียบ
อ้างติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ไม่ทราบว่าเป็นบริษัทใด ขณะที่ กสทช.เขต 3 เผยยังไม่ได้รับการร้องเรียนในพื้นที่
หากพบว่าล็อคสิทธิ์ผู้บริโภคจะดำเนินการตัดสิทธิ์บริษัทตามนโยบายส่วนกลาง
ฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อให้สำเนาบัตรประชาชน และทะเบียนบ้าน
หลังจากเมื่อเดือนพฤษภาคม 57
ที่ผ่านมา ลานนาโพสต์ได้มีการนำเสนอข่าว กรณีที่เทศบาลตำบลต้นธงชัย
ได้มีการประกาศให้ประชาชนไปลงชื่อเพื่อรับกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัลมาแล้วครั้งหนึ่ง
โดยนายกเทศมนตรี ได้ระบุว่าได้รับการติดต่อจากบริษัทจำหน่ายกล่องทีวีดิจิทัล
เป็นการให้บริการชาวบ้าน เพื่อความสะดวกสบายโดยไม่ต้องไปหาแลกซื้อในตัวเมือง
ซึ่งในเรื่องดังกล่าว ทาง กสทช.ได้กำหนดให้แจกจ่ายคูปองให้กับทุกครัวเรือนตามที่มีอยู่ในทะเบียนราษฎร์
ครัวเรือนละ 1 กล่องเท่านั้น
โดยประชาชนสามารถนำคูปองไปแลกซื้อได้เองในร้านค้าที่ร่วมรายการ และขณะนั้นทาง
กสทช.ยังไม่ได้ข้อสรุปในการแจกคูปองแต่อย่างใด
แหล่งข่าว เปิดเผยว่า ในเขตเทศบาลนครลำปาง
ได้มีการประชุมประธานชุมชน 40 กว่าชุมชนเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
เพื่อให้รวบรวมรายชื่อชาวบ้านที่ต้องการรับกล่องทีวีดิจิตอล โดยบางชุมชนมีการขอสำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนมาเป็นหลักฐาน
และจะได้รับค่าตอบแทนจากบริษัทหลังคาเรือนละ 15 บาท จึงมีการเดินเคาะประตูบ้านแต่ละหลังเพื่อให้ชาวบ้านกรอกแบบฟอร์ม
ซึ่งในแบบฟอร์มนั้นจะมีชื่อผู้แนะนำอยู่ด้านล่าง
เพื่อที่จะเช็คจำนวนหลังคาเรือนที่ตนเองรับลงทะเบียน
ส่วนในเขตเทศบาลเมืองเขลางค์นคร
ประธานชุมชนแห่งหนึ่ง ต.ปงแสนทอง เปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อจากบริษัทผ่านทางโทรศัพท์
ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้ถามชื่อว่าบริษัทอะไร
โดยได้ติดต่อมาว่าให้ทางประธานชุมชนแจ้งให้ลูกบ้านที่มีความประสงค์จะนำคูปองมาแลกกล่องทีวีดิจิทัลมาลงชื่อ
และส่งยอดให้กับทางบริษัท ทางบริษัทจะนำกล่องมาไว้ให้ที่ประธานชุมชน เพื่อให้แจกจ่ายกับชาวบ้าน
โดยบอกว่าจะมีค่าตอบแทนให้หลังคาเรือนละ 20 บาท จึงได้ประกาศเสียงตามสายของหมู่บ้านให้มาลงชื่อ
แต่ไม่ได้ขอเก็บเอกสารสำเนาบัตรประชาชนหรือทะเบียนบ้าน
ตอนนี้มีชาวบ้านมาลงทะเบียนแล้วประมาณ 100 หลังคาเรือน
ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง และบอกว่าหากเสียเงินก็ไม่เอา
ส่วนเงินที่ได้รับจากบริษัทนั้นทางประธานชุมชนก็จะนำไปเป็นกองกลางของหมู่บ้าน
นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่านักการเมืองท้องถิ่นมีส่วนในการดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งนายสมหมาย พงษ์ไพบูลย์ สท.นครลำปาง กล่าวว่า ในฐานะที่ทำหน้าที่ สท.เป็นตัวแทนของชาวบ้าน
จึงอยากจะชี้แจง และสื่อสารให้ชาวบ้านรู้ว่าจะมีการแจกคูปอง
หากสัญญาณดิจิทัลรุ่นใหม่มา ทีวีรุ่นเก่าก็จะใช้การไม่ได้ ซึ่งทางรัฐบาลจะชมเชยค่ากล่องมาให้เป็นคูปอง
โดยได้แจ้งผ่านประธานชุมชนประธานชุมชนไปอธิบายให้ชาวบ้านรับฟังในเรื่องนี้ และตรวจสอบข้อมูลว่าแต่ละชุมชนมีกี่หลังคาเรือน
ซึ่งไม่ได้มีการบริษัทติดต่อมา และไม่มีการเก็บสำเนาบัตรประชาชนแต่อย่างใด
แต่กลับมีข่าวว่าเราออกไปตั้งโต๊ะลงทะเบียน ซึ่งไม่เป็นความจริง
เพียงแต่ต้องการให้ชาวบ้านทราบโดยที่ไม่ต้องไปเสียเงินเพิ่ม ชาวบ้านจะได้ไม่เสียประโยชน์ในส่วนนี้
ขณะที่นายธีรัช เพ็ชรหิน ผอ.กสทช.เขต 3 กล่าว
ขณะนี้ยังไม่ได้รับร้องเรียนเกี่ยวกับการลงทะเบียนรับกล่องทีวีดิจิ
ทัล
เพื่อเป็นการล็อคสิทธิ์ของประชาชนในพื้นที่ จ.ลำปาง
เพียงแต่ได้ยินข่าวมาเท่านั้น
ซึ่งในเรื่องนี้จะต้องตรวจสอบก่อนว่าเป็นความจริงหรือไม่ ในเรื่องนี้ทาง
กสทช.ส่วนกลางได้มีนโยบายมาชัดเจนว่าไม่มีการนำสำเนาบัตรประชาชนและสำเนา
ทะเบียนบ้านไปลงทะเบียนแจ้งสิทธิ์ในการรับกล่องทีวีดิจิทัลอย่างแน่นอน
โดยวิธีการแจกคูปองยังคงใช้หลักการเดิมคือ
แจกตามข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง
ณ เดือนมีนาคม 57 และส่งคูปองทางไปรษณีย์ไปให้หลังคาเรือนละ 1 ใบในราคา 690 บาท สามารถนำไปใช้แลกซื้อกล่องทีวีดิจิทัลที่ผ่านการรับรองมาตฐานจากสำนักงาน
กสทช.ได้ 1 กล่องเท่านั้น โดยในเดือนกันยายนนี้จะมีการแจกจ่ายคูปองใน 4 จังหวัดนำร่อง คือ กรุงเทพฯและปริมณฑล เชียงใหม่ สงขลา และนครราชสีมา สำหรับบริษัทที่พบว่ามีการล็อคสิทธิ์
โดยการให้ชาวบ้านไปลงทะเบียนไปรับกล่องกับบริษัทของตนนั้นจะต้องถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการ
ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีบริษัทการศึกษาก้าวไกล
และวินเนอร์ ดิจิตอล ได้ถูกร้องเรียนว่า บริษัทได้แจกใบปลิวกว่า 3 แสนใบ
รวมถึงแจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้านและกำนันทั่วประเทศ ให้ประชาชนนำสำเนาบัตรประชาชน
สำเนาทะเบียนบ้าน มาจองสิทธิ์ใช้คูปองนำมาแลกรับ Set-Top-Box ยี่ห้อวินเนอร์
โดยอ้างว่า เป็นกล่องที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก กสทช. ทั้งที่
กสทช.ยังไม่ได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการรายใดเข้าร่วมโครงการคูปองทีวีดิจิทัล
และโครงการนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ด้วย
การกระทำดังกล่าวจึงถือว่า ก่อให้เกิดความเสียหายกับทาง กสทช. ดังนั้นหากบริษัทใดยังกระทำการในรูปแบบนี้อีก
จะเสนอให้ทาง กสทช.สั่งห้ามไม่ให้บริษัท
รวมถึงกล่องรับสัญญาณแบรนด์ที่ถูกนำไปใช้ในรูปแบบดังกล่าวเข้าร่วมโครงการคูปองดิจิทัลของ
กสทช.
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 991 ประจำวันที่ 15 - 21 สิงหาคม 2557)