คนร้ายขี่รถตามประกบลุงวัย
65 กระชากสร้อยคอหนัก 5 บาท พร้อมหลวงปู่ทวดเลี่ยมทอง ก่อนจะถีบรถ
จยย.ให้ล้มและรีบขับหลบหนี ด้านเจ้าของซึมเสียดายพระที่สวมใส่มากว่า
50 ปี มูลค่าไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท
เมื่อเวลาประมาณ
11.50 น.วันที่ 3 ธ.ค.57 พ.ต.ต.ประภากร ทะชมพู พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง
ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุมีคนร้ายกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท
ได้ทรัพย์สินไป เหตุเกิดบริเวณถนนสุขสวัสดิ์ 3 ซอย 11 ใสชุมชนสุขสวัสดิ์ ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง ใกล้กับร้านข้าวซอยโอมา
หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธร
จ.ลำปาง
พบผู้เสียหายยืนรอให้การอยู่หน้าร้านข้าวซอยโอมาในอาการตัวสั่น
ตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สอบถามทราบว่าผู้เสียหาย
คือ นายวิโรจน์ แพรกทอง อายุ 65 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 17 ซ.6 ต.พระบาท
อ.เมือง จ.ลำปาง ให้การว่า
ตนเองได้ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า เมท สีดำ ทะเบียน ร 7888 ลำปาง มาจากบ้านเพื่อที่จะไปกินข้าวซอยที่ร้านข้าวซอยโอมา
โดยขับรถไม่เร็วมากนักมาตามถนนสุขสวัสดิ์ 3 เมื่อเลี้ยวเข้าซอย 11
ได้เพียง 30 เมตร ได้มีคนร้ายเป็นชายไม่สวมหมวกกันน็อค
ผิวสีดำแดง อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อสีเทา กางเกงยีนส์ขายาว
ส่วนรถนั้นตนจำได้ว่าเป็นสีเขียวออกดำ แต่ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ได้ขี่รถตามประกบพร้อมกับตะโกนเสียงดังทำให้ตนตกใจ
จากนั้นได้เอื้อมมือมากระชากสร้อยคอทองคำหนัก 5
บาทพร้อมกับพระหลวงปู่ทวดเลี่ยมทอง 1 องค์ ขาดติดมือคนร้ายไป
และยังได้ใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ของตนเองให้ล้มลงเพื่อไม่ให้ขับขี่ไล่ตามไปได้
ก่อนที่คนร้ายจะรีบขี่รถหลบหนีไปอย่างรวดเร็วไปทางสนามกีฬาเทศบาล 7
เมื่อตนลุกขึ้นได้จึงรีบขี่รถมาขอความช่วยเหลือที่ร้านข้าวซอยโอมา
และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ
นายวิโรจน์
ได้ให้ดูร่องรอยที่ลำคอ ซึ่งเป็นบาดแผลถลอก แดง เป็นทางยาว
จากการถูกกระชากสร้อยอย่างแรง โดยชาวบ้านได้ช่วยนำถุงน้ำแข็งมาประคบให้
ซึ่งนายวิโรจน์ได้กล่าวด้วยสีหน้าซึมเศร้าว่า
สร้อยคอทองคำนั้นตนไม่เสียดายเท่าพระหลวงปู่ทวด พ.ศ.2497
ที่ตนได้ห้อยติดตัวมานานกว่า 50 ปีแล้ว ไม่เคยถอดออกเลย ซึ่งขณะนี้คงมีราคาไม่ต่ำกว่า
3 แสนบาท
อย่างไรก็ตาม
เจ้าหน้าที่จะได้ให้นายวิโรจน์เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ
เพื่อนำภาพสร้อยคอทองคำและพระเลี่ยมทองไปเป็นหลักฐาน เพื่อจะประสานกับทางร้านทองต่างๆหากพบผู้ต้องสงสัยนำสร้อยในลักษณะดังกล่าวมาขายให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ทันที โดยจะติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1007 ประจำวันที่ 5 - 11 ธันวาคม 2557)