วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เหยียบระเบิกพม่า 'ปู่จา' เท้าเละ เดินทาง 7 วัน ได้รักษา




ช้างหนุ่ม พลาดเหยียบระเบิดฝั่งพม่า กว่าจะได้รักษาต้องใช้เวลาเดินทางนานถึง 1 สัปดาห์จึงมาถึงโรงพยาบาล พบเท้าหน้าด้านขวาเป็นแผลฉกรรจ์ คาดต้องใช้เวลารักษานานมากว่า 7 เดือน  ด้านหัวหน้าฝ่ายโรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยฯเผย สถิติช้างเหยียบกับระเบิดขณะไปทำงานในป่าลึกมีมากว่า 20 เชือกตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดยังได้รับแจ้งอีกว่า ยังมีช้างคู่แม่ลูก เป็นช้างฝั่งประเทศพม่าที่เป็นแม่ช้างพลาดไปเหยียบกับระเบิดได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่หนีเตลิดเข้าป่าลึก ยังไม่สามารถเอาตัวออกจากป่ามาได้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เนื่องจากสงสารช้าง

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 57 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก น.สพ. ดร.สิทธิเดช มหาสาวังกุล หัวหน้าฝ่ายโรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ว่าได้รับช้างพลายปู่จา อายุ 17 ปี ที่เหยียบกับระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัสเข้ามารักษา  โดย น.สพ.ดร.สิทธิเดช  เปิด เผยว่า โรงพยาบาลช้าง ได้รับตัวพลายปู่จามาตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค. 57 จากการตรวจสอบบาดแผลพบว่าอุ้งเท้าขวาหน้าของช้างชิ้นเนื้อเป็นแผลฉกรรจ์ เนื้อตายหลายแห่ง แต่โชคยังดีที่ กระดูก เล็บเท้าไม่แตก ด้านการรักษาในเบื้องต้นให้ช้างเอาเท้าที่มีบาดแผลแช่น้ำยาฆ่าเชื่อวันละไม่ ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นก็มาตัดแต่งบาดแผลตัดเอาชิ้นเนื้อที่ตายออกแต่ต้องทำด้วยความระมัด ระวังเพราะหากตัดเข้าไปลึกมากเกินจนทำให้ถูกเส้นเลือดสายหลักก็จะทำให้ช้าง เสียเลือดมากอาการจะยิ่งแย่ลงไป ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังในการเอาเนื้อที่ตายออกจากนั้นก็ฉีดยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อยาแก่อักเสบ และพันแผลเพื่อป้องกันเชื้อโรคและฝุ่นละออกเข้าบาดแผล ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการักษาไม่ต่ำกว่า 7 เดือนขึ้นไปส่วนสุขภาพช้างยังถือว่าผอมลงเล็กน้อย แต่ก็ยังปกติ น้ำหนักโดยรวมของช้างกว่า 2 ตัน และเป็นช้างหนุ่มคาดว่าไม่มีอะไรน่าห่วงมากนัก

น.สพ.ดร.สิทธิเดช ยังได้เปิดเผยว่า สถานการณ์ช้าง ที่ได้รับบาดเจ็บจาการพลาดไปเหยียบกับระเบิดในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมาคือตั้งแต่ปี 2542-2557 มีมากว่า 20 เชือก (ปี 2542-2548 มี 14 เชือก ปี 2553 มี 2 เชือก ปี 2554 มี 1 เชือก และปี 2557 มี 2 เชือก) มีทั้งรักษาหายและเสียชีวิตเนื่องจากสภาพบาดแผลติดเชื้อ แต่ที่ไม่ได้เก็บสถิติเช่นควาญช้างรักษากันเองจนช้างล้มก็มีอีกมากมายเนื่องจากส่วนใหญ่ควาญช้างเอาช้างไปทำงานในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีทุ่นระเบิด กับระเบิดที่ยังตกค้างจำนวนมาก ทำให้ช้างที่เป็นสัตว์ขนาดใหญ่พลาดไปเหยียบกับระเบิดจน บาดเจ็บและเสียชีวิต  ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง รับช้างที่ได้รับบาดเจ็บจากการไปเหยียบกับระเบิด มาทั้งหมดรวมเชือกล่าสุดเป็น 5 เชือก รักษาจนหายดีกลับไปบ้านได้ทั้งหมด 4 เชือก โดยพลายปู่จาเชือกล่าสุดนี้คาดว่าการรักษาใช้เวลาเกิน 7 เดือนถึง 1 ปี บาดแผลก็จะสนิทและให้กลับบ้านได้ แต่ทั้งนี้ต้องควบคุมการติดเชื้อให้ได้ ไม่เช่นนั้นช้างอาจจะล้มได้ทุกเวลาหากติดเชื้อเข้าไปในกระแสเลือด ซึ่งทางสัตวแพทย์จะดูแลรักษาจนถึงที่สุด

ล่าสุดยังได้รับแจ้งจาก นายบรรพต คีรีเจริญ ควาญช้าง พลายปู่จา อายุ 17 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจากการพลาดไปเหยียบกับระเบิดมารักษาโรงพยาบาลช้างแห่งนี้ ว่า เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ยังมีช้างเชือก อีก 1 เชือก อายุประมาณ 30 ปี มีลูกช้างติดด้วย เป็นช้างของฝั่งประเทศพม่าเอง ตัวแม่ช้างพลาดไปเหยียบกับระเบิด ได้รับบาดเจ็บที่เท้าหลัง หนีเตลิดเข้าไปในป่าลึกในฝั่งประเทศพม่า ทั้งแม่และลูก ทางคนเลี้ยงช้างทั้งคนไทยและประเทศพม่าที่สนิทกัน ได้ออกติดตามพบตัวแล้วในป่าลึก แต่ยังไม่สมารถที่จะนำเอาช้างออกจากป่าได้ เพราะยังไม่ทราบว่าจะเอาช้างไปรักษาที่ไหน เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านไม่มีโรงพยาบาลช้าง ประกอบกับช้างเป็นช้างพม่า หากข้ามมายังฝั่งประเทศไทย ก็จะถูกจับดำเนินคดีทางกฎหมาย  ทางเจ้าของช้าง ซึ่งเป็นชาวพม่า จึงได้แค่เพียงเฝ้าดูช้างและรักษาด้วยสมุนไพรพื้นบ้านเท่านั้น ซึ่งหากไม่รีบนำช้างออกจากป่ามารักษา ช้างจะล้มได้ทันที แต่ก็ติดขั้นตอนหลายอย่าง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปดูแลและประสานงานกันว่าจะหาวิธีหางไหนได้บ้างที่จะเร่งรักษาเยียวยาช้างที่ได้รับบาดเจ็บเชือกดังกล่าวให้ทันท่วงที

ส่วนประวัติช้าง พลายปู่จา เป็นช้างของนายอาคม คีรีเจริญ ชาวบ้านหมู่ 4 ต.แม่อูสุ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ไปรับจ้างทำฝานในฝั่งประเทศพม่า พลาดไปเหยียบกับระเบิดตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. 57 ทาง โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยฯ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง รับแจ้งเหตุ วันที่ 4 ธ.ค. กว่าเจ้าของจะนำออกข้ามฝั่งมาได้วันที่ 8 ธ.ค. และถูกส่งมารักษาตัววันที 10 ธ.ค.2557 ที่ผ่านมา

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1009 ประจำวันที่ 19 - 25 ธันวาคม  2557)   


Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์