กพร.ย้ำชัดให้ กฟผ.ทำตามคำสั่งศาลอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะการนำพื้นที่ที่ต้องฟื้นฟูขุมเหมือง ไปทำเป็นสวนพฤกษชาติและสนามกอล์ฟ
หลังจากที่ นายถาวร งามกนกวรรณ ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน จ.ลำปาง ถึงความคืบหน้าในการปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด
โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่หรือ กพร.ก็ได้นัดประชุมแล้ว 2 ครั้ง กับหน่วยราชการทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นหน่วยควบคุมมลพิษ กรมป่าไม้ สผ. อุตสาหกรรมจังหวัด
รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับยืนยันว่าศาลไม่ได้สั่งให้รื้อหรือปิดสนามกอล์ฟแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มี.ค.58 กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองเเร่
ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ อก 0508/1177 ส่งถึงผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
เรื่องการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อ้างถึง หนังสือกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองเเร่
ด่วนที่สุด ที่ อก 0508/694 ลงวันที่ 12 ก.พ.58 และ หนังสือด่วนที่สุด ที่ อก 0508/745 ลงวันที่ 13 ก.พ.58 มีใจความสำคัญว่า
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองเเร่พิจารณาแล้ว
เห็นควรให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการ ดังนี้
1.
ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยแต่งตั้งคณะทำงาน
ระดับท้องถิ่นและผู้เชี่ยวชาญร่วมกันพิจารณาในการอพยพราษฎร
ที่ได้รับผลกระทบที่อาจนำไปสู่อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
และมีความประสงค์จะอพยพในการอพยพหมู่บ้านออกนอกรัศมีในผลกระทบ 5 กิโลเมตร ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน
โดยให้มีตัวแทนราษฎรที่ได้รับผลกระทบร่วมเป็นองค์ประกอบของคณะทำงานฯด้วย
2.
ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยฟื้นฟูพื้นที่ขุมเหมืองให้ใกล้เคียงกับสภาพเดิมตามธรรมชาติ
โกยการถมดินกลับไปในบ่อเหมืองให้มากที่สุดและให้ปลูกป่าทดแทน เฉพาะพื้นที่ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยนำพื้นที่ที่ต้องฟื้นฟูขุมเหมือง
ไปทำเป็นสวนพฤกษชาติและสนามกอล์ฟ
โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดอย่างเข้มงวด
หากต้องมีการฟื้นฟูพื้นที่ขุมเหมืองดังกล่าว
ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเสนอเเผนการฟื้นฟูที่ให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองเเร่ทราบ
ภายใน 7
วัน
3.
การติดตั้งม่านน้ำเพื่อเป็นการลดฝุ่นละอองในบรรยากาศ
มีความยาว 800
เมตร ระหว่างที่ทิ้งดินทางทิศตะวันออกกับบ้านหัวฝาย
และระหว่างที่ทิ้งดินด้านทิศตะวันตกกับหมู่บ้านทิศใต้ (ข้อ19ของมาตรการฯ)การนำพืชที่ปลูกใน wetland
ไปกำจัดให้ปลูกเสริมทุกๆ18เดือน เเละทำการขุดลอกเพื่อเปลี่ยนทิศทางไหลของน้ำใน wetland (ข้อ 2.6ของมาตรการฯ)
และทำการขนเปลือกดินโดยใช้ระบบสายพานที่มีการติดตั้งระบบสเปรย์น้ำตามแนวสายพาน
ให้วางแผนจุดปล่อยดิน ฯลฯ (ข้อ2.7ของมาตรการฯ)
ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเร่งการดำเนินการให้ครบถ้วนตามมาตรา
57 แห่ง พ.ร.บ. แร่ พ.ศ.2510ให้เเล้วเสร็จภายใน 35
วัน
ทั้งนี้ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามข้อ
1-3 ให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ทราบทุก 7 วัน หากการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น
มีปัญหาและอุปสรรคให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเร่งประสานกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
เพื่อความชัดเจนในการปฏิบัติต่อไป
ขณะที่แหล่งข่าวภายใน กฟผ. อ้างว่า ผลที่ออกมาเช่นนี้ทางผู้บริหารระดับสูงค่อนข้างผิดหวังมาก
เพราะบางเรื่องไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ปฏิบัติกันอยู่เหมือนไปเริ่มต้นกันใหม่
ด้านนางมะลิวรรณ นาควิโรจน์ ประธานเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ
กล่าวว่า
ยังไม่ทราบว่าการตั้งคณะทำงานตามข้อ 1 ที่
กพร.ระบุว่าให้มีตัวแทนราษฎรที่ได้รับผลกระทบร่วมเป็นองค์ประกอบของคณะทำงานฯด้วย
ตนเองจะมีโอกาสเข้าไปร่วมหรือไม่ ซึ่งตนเองต้องการที่จะเข้าร่วมในส่วนนี้ด้วย
เพื่อจะได้ทราบความเคลื่อนไหวและตรวจสอบได้ว่าการทำงานของ
กฟผ.จะไม่มีการหมกเม็ดชาวบ้านเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้ก็รออยู่ว่าทาง
กฟผ.จะดำเนินการอย่างไรต่อไป