วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

โอละหนอ O-NET


           
  อบได้เป็นเรื่องตลก สอบตกเป็นเรื่องธรรมดา อาจด้วยเหตุนี้ ผลการสอบ 0-NET ถึงรูดมหาราช ตอกย้ำความล้มเหลวของการศึกษาไทย แม้เข้าสู่ยุคปฏิรูปของ คสช.
           
มาถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบปีแล้วที่ คสช. ได้ดำเนินการตามโรดแมป แผนปฏิรูปประเทศไทย จากห้วงเวลาที่ผ่านมาดูเหมือนประเทศไทยจะเข้าสู่ช่วงน้ำลด ตอต่างๆที่จมอยู่ใต้น้ำดูจะผุดโผล่มาให้เห็นความเน่าเหม็นที่ซ่อนเร้นไว้ใต้ความชอบธรรม แทบจะในทุกวงการเลยก็ว่าได้ ไม่เว้นแม้แต่ในวงการศึกษาที่ตั้งธงไว้ว่าจะทำการปฏิรูป แต่ดูเหมือนว่าจะคืบคลานอยู่ที่เดิม
           
จำได้ว่าเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2557 หัวหน้า คสช. เปิดงาน เส้นทางการปฏิรูปประเทศไทย เป็นการแถลงการณ์ทำงานตามสไตล์บิ๊กตู๋ ฟังดูเบาๆขำๆเรียกเสียงฮาได้ยอดเยี่ยม แต่เป็นความขำที่หลายหน่วยงานคงจะขำไม่ออก แถมยังจะเหงื่อแตกซิกๆ  โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ที่ฟังแล้วมันโดนใจจี๊ดๆทีเดียว
           
“เด็กสมัยนี้เรียนไม่ต้องเกินเวลามั้ง มันเรียนอะไรนักหนา กลับบ้านมามันก็หงุดหงิด ยังต้องมานั่งทำการบ้านถึงสี่ทุ่มเที่ยงคืน ให้มันมีเวลาอยู่กับครอบครัวบ้างสิ แล้วอย่างนี้มันจะหาความอบอุ่นในครอบครัวจากไหน กลับมาพ่อมันก็ต้องช่วยทำการบ้าน รุ่งขึ้นมันบอกพ่อเมื่อวานทำผิดหมด เสาร์อาทิตย์ก็ต้องไปเรียนพิเศษ พ่อแม่ก็ต้องหาเงินให้ เลี้ยงลูกเป็นเทวดาให้เรียนอย่างเดียว วันหยุดเรียนพิเศษ เด็กเรียนหนังสือมีแต่ชีท ไม่มีตำรา.. แล้วคุรุสภาทำอะไร !? พิมพ์หนังสือมาเยอะแยะ” จบประโยคนี้เรียกเสียงปรบเสียงหัวเราะได้ดังไม่แพ้เดี่ยวไมค์โครโฟนเลยทีเดียว แต่ก็เป็นกระแสตื่นอยู่อยู่พักเดียว
           
ปัญหานี้แจ้งเกิดมานานแล้วในสำหรับระบบการศึกษาไทย แต่ดูเหมือนผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการการศึกษาดูจะหลับหูหลับตา คล้ายหลอกตัวเองไม่ยอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้า การปฏิรูปเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังจึงเป็นแค่วิมานในอากาศ
           
เรื่องเดิมๆที่วนมาฟ้องถึงความย่ำแย่ ตอกย้ำระบบการศึกษาไทย เมื่อผลสอบ O-NET ของปีการศึกษา 2556 ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ (ประกาศผลเดือนมีนาคม 57) ผล สอบบ่งบอกถึงคุณภาพการศึกษาระดับประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย อันยอดแย่ เพราะคะแนนเฉลี่ยฟ้องแบบไม่ต้องเอาไปผ่านเครื่องมือวิเคราะห์ทางสถิติใดๆก็ ชัดเจน เป็นที่ประจักษ์ว่า สอบตกเกือบทุกวิชา โดยเฉพาะวิชาหลัก คณิต วิทย์ และภาษาอังกฤษ ที่สำคัญนั่นเป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพการศึกษาของประเทศไทยว่าเราไม่สามารถควบคุมคุณภาพการสอนให้สัมฤทธิ์ผลตามหลักสูตรที่ตั้งไว้
           
ส่วนผลสอบ O-NET  ของปีการศึกษา 2557 ที่ประกาศเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นตะปูที่มาตอกฝาโลง ฝังระบบการศึกษาไทย ที่ตอกย้ำผลสัมฤทธิ์การศึกษาที่นับวันยิ่งถอยหลังเข้าคลอง โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ ที่คะแนนเฉลี่ยทั่วประเทศ แย่กว่าเดิม สวนกระแสรับ AEC ที่ป่าวประกาศกันโครมๆ ยัดเยียดให้เด็กเรียนที่ 3 อย่าง ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ในขณะที่ภาษาที่ 2 อย่างภาษาอังกฤษยังเอาตัวไม่รอด

            สทศ. ได้วิเคราะห์ค่าสถิติพื้นฐาน O-NET ม.3 จำแนกตามวิชา ดังนี้
            ภาษาไทย คะแนนเต็ม 100  เฉลี่ย  35.20  สูงสุด  76.00  ต่ำสุด  0
            สังคมศึกษา คะแนนเต็ม  100  เฉลี่ย  46.79  สูงสุด  90.00  ต่ำสุด  2.00
            ภาษาอังกฤษ คะแนนเต็ม  100  เฉลี่ย  27.46  สูงสุด  98.00  ต่ำสุด  0
            คณิตศาสตร์ คะแนนเต็ม  100  เฉลี่ย  29.65  สูงสุด  100  ต่ำสุด  0
            วิทยาศาสตร์ คะแนนเต็ม  100  เฉลี่ย  38.62  สูงสุด  98.00  ต่ำสุด 0
            สุขศึกษา คะแนนเต็ม  100  เฉลี่ย  59.32  สูงสุด  97.50  ต่ำสุด  2.50
            ศิลปะ คะแนนเต็ม  100  เฉลี่ย  43.14  สูงสุด  95.00  ต่ำสุด 0
            การงานพื้นฐานอาชีพฯ คะแนนเต็ม  100  เฉลี่ย  45.42  สูงสุด  92.00  ต่ำสุด  0
           
ในขณะที่ข้อสังเกตที่สำคัญ คือ ทุกระดับชั้น มีคะแนนต่ำสุดเป็นศูนย์ !!!
           
นั่นหมายความว่า เด็กนักเรียนในระบบการศึกษาของไทย ไม่สามารถเลือกคำตอบที่ถูกต้องได้แม้แต่ข้อเดียว!!! ไม่ว่าจะเป็นเพราะเด็กไม่อ่านข้อสอบ เข้าไปมั่วคำตอบอย่างเดียว หรือไม่ว่าอะไรก็ตามที่ผู้บริหารการศึกษา ครูผู้สอนจะสันนิษฐาน แต่นั่น...เป็นสัญญาณที่ฟ้องว่าระบบการคิด การสร้างทัศนคติ เพื่อให้เยาวชนเติบโตตามลำดับขั้นมันล้มเหลว
           
ที่ผ่านมาเคยมีการสำรวจระดับการศึกษาของเด็กไทย โดยนิตยสาร The Economist ในจำนวน 40 ประเทศทั่วโลก ประเทศไทยรั้งท้ายอยู่ที่อันดับ 37 แต่หากครั้งต่อไป ผลการสำรวจประกาศว่าเราไม่ได้เป็นอยู่ในอันดับรั้งท้าย แต่กลายเป็นที่โหล่ของกลุ่ม การแก้ปัญหาคงจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
           
มีหนทางเดียว คือจัดการให้กระทรวงศึกษาธิการออกนอกระบบ ไม่อยู่ภายใต้ระบบราชการ เช้าชาม เย็นชาม นั่นก็อาจพอเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้ 

 (หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1023  
 ประจำวันที่ 3 - 9  เมษายน  2558)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์