เดินหน้าศึกษาโครงการรถไฟทางคู่เด่นชัย – เชียงใหม่ สนข.จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน
ครั้งที่ 1 ภาครัฐและเอกชน แพร่- ลำปางหวังเป็นศูนย์ขนถ่ายกระจายสินค้าสินค้ารองรับอาเซียน
จากกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
มีมติ(วันที่ 29 กรกฎาคม 2557) เห็นชอบในหลักการยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย
พ.ศ.2558-2565 ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งทางราง
โดยปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานรถไฟทางคู่ในเส้นทางรถไฟเดิมในช่วงที่มีปัญหาความคับคั่งของการเดินรถจากขบวนรถไฟท้องถิ่น
6 เส้นทาง เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าซึ่งกระทรวงคมนาคม
ได้จัดทำแผนการดำเนินงานโครงการการลงทุนพัฒนาด้านคมนาคมขนส่ง ปี พ.ศ.2558 โดยมีเส้นทางรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่
รวมอยู่ในแผนดำเนินการระยะที่ 2 (พ.ศ.2559-2563) ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2557
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
(สนข.) กำลังดำเนินงานโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบระบบรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย
– เชียงใหม่ ดังกล่าว เพื่อส่งเสริมบทบาทและศักยภาพในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ซึ่งเป็นรถไฟทางคู่ขนาดราง 1 เมตร
ซึ่งเป็นโครงข่ายระบบรางพื้นฐานหลักของประเทศไทย
ดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565
และแผนการดำเนินงานโครงการการลงทุนพัฒนาด้านคมนาคมขนส่ง ปี 2558
(พ.ศ.2559 – 2563) ระยะที่ 2 โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนการขนส่ง ทางรางจากร้อยละ 2.5 เป็นร้อยละ 5
ทั้งนี้
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ได้นำรายละเอียดข้อมูล เหตุผลความจำเป็น
สาระสำคัญ ขั้นตอนและระยะเวลาดำเนินการ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็น
ข้อเสนอแนะจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน ผู้นำทางความคิด ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการ
ตลอดจนตัวแทนภาคประชาชนและสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดแพร่
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการศึกษาของโครงการให้มีความสอดคล้องและเหมาะสม
เกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวมสนข.
จึงจัดให้มีการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 29 เม.ย.2558
และ จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 30 เม.ย. 2558 ณ ห้องอิมพีเรียลบอลลูม โรงแรมดิเอ็มเพลส
เพื่อนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้ ไปประกอบผลการศึกษาโครงการ หลังจากนั้น
จะมีการจัดกิจกรรมการประชุมกลุ่มย่อย การสัมภาษณ์เชิงลึก
และการสัมมนารับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 เพื่อนำเสนอผลการคัดเลือกแนวเส้นทางที่มีความเหมาะสม
จากนั้นจึงเป็นการสัมมนาสรุปผลการศึกษาของโครงการ ในส่วนของจังหวัดลำปาง มีนาย สำเริง ไชยเสน
หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำปาง เดินทางไปร่วมประชุมที่จังหวัดเชียงใหม่ดังกล่าวด้วย
การสัมมนาครั้งนี้ มีการนำเสนอรายละเอียด
3 แนวเส้นทางเลือก ประกอบด้วย แนวทางเลือกที่ 1 ใช้เส้นทางที่อยู่ในเขตทางรถไฟเดิม
ซึ่งรถไฟสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุด 90 กม./ชม.
ระยะทางประมาณ 217 กม. แนวทางเลือกที่ 2 ใช้เส้นทางเหมือนทางเลือกที่ 1 เป็นหลัก
แต่มีบางช่วงที่ปรับแนวเส้นทางให้เป็นทางตรงหรือเพิ่มรัศมีโค้งมากขึ้น
เพื่อให้รถไฟสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม.
ระยะทางรวมอยู่ที่ 206 กม. ส่วนแนวทางเลือกที่ 3 เป็นแนวเส้นทางตัดใหม่เป็นส่วนใหญ่ รถไฟสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 160
กม./ ชม. ระยะทางรวม 170 กม. โดยทั้ง 3
แนวทางเลือก จะผ่านพื้นที่ 4 จังหวัด คือ
จังหวัดแพร่ จังหวัดลำพูน จังหวัดลำปาง และจังหวัดเชียงใหม่
มีจุดเริ่มต้นที่สถานีเด่นชัย และสิ้นสุดที่สถานีเชียงใหม่ เชื่อมต่อรถไฟทางคู่สาย
ลพบุรี - ปากน้ำโพ – เด่นชัย(แพร่)
ซึ่งข้อมูลจาก สนข.ระบุว่า หากมีการพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย
- เชียงใหม่
จะส่งผลให้เส้นทางรถไฟสายเหนือมีการเชื่อมต่อโครงข่ายระบบรางที่สมบูรณ์มากขึ้น
โดยเฉพาะจังหวัดแพร่ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการขยายตัว
ทางด้านการผลิตและอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง
และกำลังได้รับการพัฒนาเสริมศักยภาพให้สามารถเป็นศูนย์กลางในการขนถ่ายสินค้าหลักของภาคเหนือตอนบนในอนาคตได้
เพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งสินค้าและเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือได้อีกทางหนึ่งด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดแพร่ให้ความสนใจโครงการนี้ค่อนข้างสูง
เพราะ แพร่ได้วางตัวเองเป็นชุมทางรถไฟหรือ Rail Hub และมีแนวทางปรับปรุงแนวเส้นทางรถไฟเดิมที่ยังคงอยู่พัฒนาเป็นเส้นทางเพื่อการท่องเที่ยว
และในส่วนของจังหวัดลำปางก่อนหน้านี้ ทั้งภาครับและเอกชน
ให้ความสนใจเกี่ยวกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะสนับสนุนเอต่อการรองรับเศรษฐกิจอาเซียน
โดยลำปางวางตัวเองเป็น ศูนย์กลางคมนาคมขนส่งทางบก และเป็นจุดพักกระจายสินค้า (Land
Logistic Hub) โดยก่อนหน้านี้มีแผนโครงการศูนย์กระจายและคลังสินค้า
ที่อำเภอเกาะคา และแผนการสร้างคลังเชื้อเพลิงเพื่อการขนส่ง โดย ปตท.ที่เขต ผาลาด
แนวเชื่อต่อ อำเภอแม่ทะและอำเภอแม่เมาะ ภาคเอกชนและนักลงทุนบางส่วนเริ่มให้ความสนใจ
รถไฟความเร็วสูง และ โครงการรถไฟทางคู่ ที่จะตัดผ่านพื้นที่จังหวัดลำปาง
อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายยังคมรอความชัดเจนจากภาครัฐก่อน
และมีเพียงกระแสการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์
และธุรกิจท่องเที่ยวแต่ยังไม่พบข้อมูลการลงทุนภาคการขนส่งขนาดใหญ่แต่อย่างใด
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1026 วันที่ 1 - 7 พฤษภาคม 2558)