นายกไพฑูรย์
สั่งแจ้งดำเนินคดีร้าน “ลาภ – ลาบศรีชุม” บุกรุกทางสาธารณะสร้างที่พัก
เตือนให้รื้อถอนแล้วไม่มีทำ ต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายไพฑูรย์
โพธิ์ทอง นายกเทศบาลเมืองเขลางค์นครว่า
ตนเองได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปแจ้งความดำเนินคดีกับร้านอาหารชื่อร้าน
“ลาภ – ลาบศรีชุม” ที่ตั้งอยู่เลขที่
200/51 หมู่ที่ 6 ต.พระบาท อ.เมือง ทั้งนี้ สืบเนื่องจากที่ผ่านมาทางกองช่างของเทศบาลได้
พบว่า ร้านอาหารดังกล่าวได้มีสิ่งก่อสร้างปิดทางสาธารณะประโยชน์
ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน โดยได้ยื่นเรื่องขอตรวจสอบแนวเขตทางสาธารณะประโยชน์ต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดลำปาง
ต่อมาตามหนังสือจากสำนักงานที่ดินลำปาง ที่ ลป 0020/2/22016 ลงวันที่ 8 ต.ค.57
เรื่องการตรวจสอบแนวเขตทางสาธารณะประโยชน์พบว่า
ได้มีการปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างคือบ้านพักคนงาน ห้องล้างจาน โรงเรือนเก็บของ
ทับทางสาธารณะประโยชน์ มีเนื้อที่ ประมาณ 0-0-88.9 ไร่
ทางเทศบาลฯ
จึงได้มีหนังสือที่ ลป 52307/270 และหนังสือที่ ลป 52307/271 ลงวันที่ 28 ม.ค.58
เรื่องให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณะประโยชน์ โดยแจ้งให้เจ้าของร้านคือนายลาภสมบัติ ไชยานนท์
และนางกอบกุล วงศ์นาสัก
ให้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณะประโยชน์
ดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 30 วัน ซึ่งทั้งสองได้รับหนังสือแล้วเมื่อวันที่
29 ม.ค.58 และปรากฏว่าหลังจากที่ครบตามกำหนดคือวันที่ 3 มี.ค.58
ทางเจ้าหน้าที่เทศบาลเข้าตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวพบว่ายังไม่ได้มีการดำเนินการื้อถอนแต่ประการใด
เทศบาลฯในฐานะผู้ที่มีหน้าที่ดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
ตามข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วย
การดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
พ.ศ.2553 จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.สมควร เกิดเทศ พนักงานสอบสวน
สภ.เมืองลำปาง เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายลาภสมบัติ ไชยานนท์ และนางกอบกุล วงศ์นาสัก
รวม 2 ราย ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9(1)(2)
และมาตรา 108 ทวิ และมาตรา 67
ฐานก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น
และฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น โดยมีนายเอกพิสิฐ สุขพันธ์ ตำแหน่งนิติกร 6
ว เป็นผู้แจ้ง
นายไพฑูรย์
นายกฯ กล่าวเพิ่มว่า สำหรับถนนดังกล่าวตัดผ่านข้างๆตึกเข้าไปด้านหลังเป็นถนนที่ชาวบ้านใช้กันมานานแล้ว
ซึ่งในฐานะที่เทศบาลมีหน้าที่ดูแลจึงต้องดำเนินการดังกล่าว
ซึ่งถ้ายังไม่ดำเนินการใดๆคงต้องพึ่งอำนาจศาลต่อไป.
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1028 วันที่ 15 - 21 พฤษภาคม 2558)