มิจฉาชีพอาละวาดหนักชาวต่างชาติคล้ายแขกชายหญิง
2 คน ตะเวนหลอกชาวบ้าน ทำทีเข้าซื้อของไม่กี่บาทแต่ใช้แบงค์พันจ่าย เดินเข้าหลายร้านแต่เหยื่อไม่เล่นด้วย
ซวยเจ้าของร้านเค้กมึนคุยกันไม่รู้เรื่องจนโดนหลอกล่อทอนเงินให้
ก่อนแขกทั้งสองจะรีบขึ้นรถซิ่งหนี เผยพฤติกรรมจะเข้ามาประชิดตัวและพยายามเข้าไปยืนใกล้จุดเก็บเงิน
หากเผลอคงสูญเงินมากกว่านี้ เตือนร้านค้าในลำปางระวัง เจอลักษณะเดียวกันนี้แล้ว 4 ร้าน
นางพัชรี
เริงเกษตรกร เจ้าของร้านเค้กเอิงเอย ตั้งอยู่ทางเข้าโรงพยาบาลเขลางค์นคร-ราม
เผยถูกมิจฉาชีพเป็นชาวต่างชาติจำนวน 2 คน คาดเป็นแขกผิวสีดำ
อายุประมาณ 50 ปี แต่งตัวภูมิฐานเข้ามาซื้อของภายในร้านเค้ก
และขอต่อรองราคาโดยใช้ภาษาอังกฤษคุยกับเจ้าของร้าน ก่อนจะนำเงินธนบัตรใบละ 1,000 บาทจ่าย เมื่อต่อรองไม่ได้จึงขอธนบัตรคืน แต่ยังพูดหลอกล่อให้งง
จนในที่สุดได้จ่ายเงินทอนให้ไปโดยไม่ได้เงินสักบาท
นางพัชรี
เล่าว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ค.58 เวลาประมาณ 10.30 น.
ได้มีชาวต่างชาติ 2 คน เป็นชายและหญิง อายุประมาณ 50 ปี โดยผู้ชายแต่งตัวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็กสีน้ำตาล ผู้หญิงสวมเสื้อตัวยาวกางเกงขายาว เจาะจมูก
เจาะหู และบริเวณกลางหน้าผากมีจุดสีแดง ทั้งคู่ผิวดำ
พูดจากันเป็นคล้ายภาษาอินเดียหรือแขก ซึ่งตนเองฟังไม่เข้าใจ
ได้เข้ามาซื้อขนมเค้กที่ร้าน ได้เปิดตู้เย็นหยิบเค้กออกมา 2
ชิ้น มาวางหน้าเคาท์เตอร์ ตนจึงแจ้งกดเครื่องคิดเลขให้ดูว่าราคา 90 บาท
ซึ่งทางฝ่ายชายยืนอยู่ด้านหน้าเคาท์เตอร์ แต่ฝ่ายหญิงได้เดินเข้ามาด้านในและอยู่ประชิดตัวของตนเอง
ซึ่งขณะนั้นตนก็พยายามยืนบังลิ้นชักเก็บเงินไว้ ทางแขกทั้งสองคนได้ยื่นธนบัตรใบละ 1,000 บาทให้ เมื่อตนจะทอนเงิน 910 บาท กลับบอกว่าไม่เอาเป็นภาษาอังกฤษและใช้สัญญาณมือบอก
และพูดจาขอต่อราคา แต่ยืนยันว่าลดให้ไม่ได้ ทั้งสองจึงได้ขอเงินคืน
ตนจึงได้คืนให้และเก็บเงินทอนใส่ลิ้นชัก
ทั้งสองคนก็ยังพยายามพูดจาโวยวาย และหว่านล้อม
ในตอนนั้นรู้สึกมึนงงมากเพราะพูดจากันไม่รู้เรื่องเลย
จนทำให้ลืมไปว่าได้คืนเงินให้เขาไปแล้ว จึงได้หยิบเงินทอนที่เตรียมไว้ให้เขาไป
เมื่อได้เงินทั้งสองก็รีบเดินออกไปจากร้านทันที ใช้เวลายืนคุยกันในร้านไม่ถึง 5
นาที เมื่อตั้งสติได้จึงมาเปิดดูเงินในลิ้นชัก
ก็พบว่าเงินหายไปจึงรู้ตัวแล้วว่าโดนมิจฉาชีพหลอกเสียแล้ว
จึงได้เดินออกไปสอบถามร้านใกล้เคียงก็พบว่าร้านผลไม้และร้านเครื่องสำอาง
ฝั่งตรงข้ามเจอมาเหมือนกัน
โดยแขกทั้งสองได้เข้าไปซื้อของและใช้ธนบัตรใบละ 1,000 จ่ายเหมือนกัน
แต่เขาไม่มีเงินทอน แขกสองคนจึงเดินมาเข้าร้านเค้กของตน และได้เงินไปในที่สุด
นางแสงจันทร์
โพธิ์ทวี เจ้าของร้านผลไม้ เล่าว่า
เห็นแขกทั้งสองคนขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าวีออส สีบอร์นทอง มาจอดริมถนนฝั่งตรงข้าม
และได้เดินมาที่ร้านของตน แต่ฝ่ายหญิงได้เดินอ้อมเข้ามาด้านใน
มายืนใกล้ๆกับกล่องเงิน
โดยมาเลือกซื้อผลไม้เหี่ยวๆที่เก็บไว้ด้านหลัง
ทั้งที่ผลไม้สดใหญ่วางอยู่ด้าน ผิดปกติของลูกค้าเพราะเวลามาเลือกผลไม้ก็ต้องเลือกจากด้านหน้าร้าน
ตนก็ยังคิดเอะใจอยู่ว่าเป็นแก๊งมิจฉาชีพหรือไม่
เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้ติดตามข่าวว่ามีแก๊งแขกอาละวาดในเขต อ.ห้างฉัตร
เมื่อซื้อผลไม้ในราคา 60 บาท ก็ได้ยื่นธนบัตรใบละ 1,000 ให้ตน แต่เห็นท่าไม่ดีเพราะมีพฤติกรรมแปลกจึงบอกว่าไม่มีเงินทอน
ทั้งที่จริงๆแล้วตนก็มีเงินทอนที่เก็บอยู่ในลิ้นชักล็อกไว้ เมื่อเห็นว่าตนปฏิเสธจึงไม่เอาของและเดินออกร้านไป
ที่ร้านเครื่องสำอางที่อยู่ข้างๆ
ทราบว่าเขาไปซื้อตุ้มหาราคา 40 บาท และให้ธนบัตรใบละ 1,000 บาท เหมือนกัน แต่ทางร้านปฏิเสธจึงเดินต่อไปที่ร้านเค้ก
และได้เงินจากร้านเค้กไป ก่อนที่ฝ่ายชายจะเดินกลับมาเอารถ
และขับไปรับฝ่ายหญิงที่รออยู่ด้านหน้าห่างออกไป ตอนนั้นแฟนตนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเห็นท่าไม่ดีจึงได้แจ้งตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ
แต่ทั้งสองคนก็ได้ขับรถออกไปก่อนแล้ว
ด้าน
พ.ต.ต.ประสิทธิ์ หล้าสมศรี
สว.สส.สภ.เมืองลำปาง เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์แต่อย่างใด
แต่ทาง พ.ต.อ.นิคม เครือนพรัตน์ ผกก.สภ.เมืองลำปาง
ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบหาข้อมูลอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากทราบข้อมูลว่าแก๊งแขกเหล่านี้ได้ก่อเหตุหลายครั้งในพื้นที่ จ.ลำปาง
โดยทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าพบเจ้าของร้านเค้กผู้เสียหาย
สอบถามรูปพรรณสัณฐานของแขกทั้งสองคน
พร้อมกับตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากร้านใกล้เคียงแล้ว
เพื่อจะได้สเกตภาพแจ้งเตือนไปยังประชาชนอย่าหลงเชื่อ
และหากพบว่ามีบุคคลชาวต่างชาติเข้ามาในลักษณะนี้ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบทันที
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1028 วันที่ 15 - 21 พฤษภาคม 2558)