วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ปั่นเปลี่ยนใจ ก่อนไปเปลี่ยนโลก



กุลธิดา สืบหล้า...เรื่อง

            เห็นป้ายบอกทางสำหรับจักรยานตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ในตัวเมืองลำปางอย่างวัดปงสนุกแล้ว แอบดีใจที่บ้านเราเริ่มให้ความสำคัญกับจักรยานมากขึ้น ท่ามกลางกระแสข่าวน่าเศร้าของชาวสองล้อ ที่เขย่าจิตสำนึกในการขับรถของคนไทยให้สะเทือนเลื่อนลั่น
            กล่าวกันว่า เนิ่นนานมาแล้ว ชาวจีนได้คิดค้นยานพาหนะทางบกที่มีลักษณะคล้ายจักรยานขึ้น และต่อมาชาวอียิปต์และอินเดียก็ประดิษฐ์พาหนะคล้าย ๆ กันนี้ด้วย แต่ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะรูปร่าง
            ปี ค.ศ. 1790 ชาวฝรั่งเศสประดิษฐ์ยานพาหนะคล้ายจักรยาน ประกอบด้วยล้อสองล้อ เชื่อมกันด้วยไม้ ทำเป็นรูปคล้ายหลังม้า หรือหลังสัตว์ต่าง ๆ และเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการไสด้วยเท้า เขาใช้ชื่อพาหนะชนิดนี้ว่า Celerifere แปลคร่าว ๆ ได้ว่า บรรทุกความเร็ว
            ต่อมาในปี ค.ศ. 1816-1818 Baron Karl Friedrich von Drais de Sauerbrun ชาวเยอรมัน ได้ปรับปรุง Celerifere ด้วยการเพิ่มอุปกรณ์สำหรับบังคับทิศทางและมีที่นั่งที่มีสปริง รับรู้กันโดยทั่วไปว่า นี่คือจักรยานคันแรกของโลก
            เราต่างรู้จักจักรยานกันตั้งแต่เล็ก ๆ พาหนะที่สร้างความสนุก ตื่นเต้น และเพลิดเพลินให้ชีวิตวัยเด็ก ความรู้สึกตอนได้เป็นเจ้าของจักรยานคันแรก สายลมที่ไล้ผ่านเนื้อตัวของเรา เส้นผมเราพลิ้วสยาย เสียงหัวเราะแช่มชื่น กลับมลายหายไปในวันที่อยู่หลังพวงมาลัยรถยนต์
            สำหรับรถจักรยาน กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับจักรยานมีอยู่ว่า
            ม. 79 ทางใดที่ได้จัดทำไว้สำหรับรถจักรยาน ผู้ขับขี่รถจักรยานต้องขับในทางนั้น
            ม. 82 ผู้ขับขี่รถจักรยานต้องขับให้ชิดขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถ ไหล่ทาง หรือทางที่จัดทำไว้สำหรับรถจักรยานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
            ม. 80 ผู้ขับขี่รถจักรยานต้องมีกระดิ่งที่ให้สัญญาณได้ยินในระยะทางไม่น้อยกว่า 30 เมตร เครื่องห้ามล้อที่ใช้การได้ดี ทำให้รถจักรยานหยุดได้ทันที โคมไฟติดหน้ารถจักรยานแสงขาวไม่น้อยกว่า 1 ดวง ที่ให้แสงไฟส่องตรงไปข้างหน้า เห็นพื้นทางได้ชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่า 15 เมตร โดยอยู่ในระดับต่ำกว่าสายตาของผู้ขับขี่ที่ขับรถสวนมาก และโคมไฟติดท้ายรถจักรยานแสงแดงไม่น้อยกว่า 1 ดวง ที่ให้แสงสว่างตรงไปข้างหลัง หรือติดวัตถุสะท้อนแสงสีแดงแทน
            ม. 37 การใช้สัญญาณด้วยมือและแขนอย่างถูกต้อง
            ม. 83 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถจักรยาน 1. ขับโดยประมาท หรือน่าหวาดเสียว 2. ขับโดยไม่จับคันบังคับรถ 3. ขับขนานกันเกิน 2 คัน เว้นแต่ขับในทางที่จัดไว้สำหรับรถจักรยาน 4. ขับโดยนั่งบนที่อื่น มิใช่อานที่จัดไว้เป็นที่นั่งตามปกติ 5. ขับโดยบรรทุกบุคคลอื่น เว้นแต่รถจักรยานสามล้อสำหรับบรรทุกคน 6. บรรทุก หรือถือสิ่งของหีบห่อ หรือของใด ๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจับคันบังคับรถ 7. เกาะ หรือพ่วงรถคันอื่นที่กำลังแล่นอยู่
            ปฏิเสธไม่ได้ว่า คนใช้ถนนส่วนใหญ่ในบ้านเรายังไร้ระเบียบและไม่เข้าใจเรื่องสิทธิบนท้องถนน ซึ่งทุกคนมีอยู่อย่างเท่าเทียมกัน ทำให้หลาย ๆ ครั้งจักรยานต้องกลายเป็นจำเลยของสังคม แม้ว่าจะพยายามดูแลตัวเองอย่างดีแล้ว เคารพกฎจราจรมาตลอดชีวิต แต่ก็ต้องมาสังเวยชีวิตให้กับความห่วยของระบบจราจรและความไร้ระเบียบวินัยของคนขับรถยนต์ นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับทัศนคติที่มีปัญหา เช่น ดูถูกจักรยานว่าเป็นเรื่องของชนชั้นล่าง ขณะเดียวกันก็หมั่นไส้จักรยานแพง ๆ ด้วย
            การจะส่งเสริมให้จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งในประเทศนี้ กลายเป็นเมืองจักรยาน คงไม่ได้หมายความแค่มี Bike Lane เท่านั้น แต่ต้องปลูกฝังเรื่องจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนให้ผู้คนพลเมืองกันตั้งแต่เด็ก ๆ
แค่จังหวัดลำปางเล็ก ๆ ของเรา เอาง่าย ๆ ลองไปเดินข้ามถนนตรงทางม้าลายดูสิว่า มีรถหยุดให้เราข้ามหรือเปล่า
ก่อนที่จักรยานจะเปลี่ยนโลกให้สดใสไร้มลพิษ จักรยานคงต้องฝ่าด่านสำคัญไปให้ได้ก่อน นั่นคือ ใจคน หัวใจที่เบ่งบานไปด้วยจิตสำนึกอย่างถ่องแท้ถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างรถยนต์ จักรยาน หรือแม้แต่คนเดินถนน
 (หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1027  วันที่  8  -  14  พฤษภาคม  2558)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์