วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พระเบี้ยวนัดโอนคืนที่ดินวัด


เจ้าอาวาสกลัวพลังมวลชน เบี้ยวนัดโอนที่ดิน นายอำเภอติดต่อผ่านตัวแทนบอกจะโอนให้โดยเร็ว ขณะที่ผอ.สำนักพุทธฯ เผยที่ดินยังไม่ได้เป็นของวัด เนื่องจากยังไม่ได้จดทะเบียนถูกต้อง เพราะขนาดพื้นที่ของวัดมีเพียง 2 ไร่ ไม่เป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้ว่าวัดต้องมีที่ดิน 6 ไร่ขึ้นไป
           
เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 58 ที่ห้องประชุมอำเภอเมือลำปาง นายสุวิทย์ เล็กกำแหง นายอำเภอเมืองลำปาง พ.ต.อ.ทันชัย ยศชูสกุล พงส.ผทค. สภ.เมืองลำปาง นายอุบลพันธ์ ขันผนึก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง ร่วมประชุมกรณีที่ชาวบ้านท่าเดื่อ หมู่ 12 ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง ได้ร้องเรียน อดีตเจ้าอาวาสวัดอุทุมพรโอนกรรมสิทธ์ที่ดินวัดเป็นของตน โดยมีนายอดุลย์ นวลสาย ผู้ใหญ่บ้าน ท่าเดื่อ ม.12 ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง พร้อมตัวแทน ชาวบ้าน จำนวน 30 คน ร่วมเข้ารับฟังคำชี้แจงในครั้งนี้
           
หลังจากเมื่อวันที่ 15 พ.ค.58 ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมไกล่เกลี่ยกันที่ สภ.เมืองลำปาง ซึ่งพระปลัดณัฐนันท์ อดีตเจ้าอาวาส รับว่าจะนำโฉนดที่ดินของวัดมามอบให้ชาวบ้านผ่านนายอำเภอเมือง และขอชี้แจงกับชาวบ้านด้วย โดยนัดกันในวันที่ 20 พ.ค.58 แต่ปรากฏพระปลัดณัฐนันท์ ไม่ได้มาตามนัดหมาย ทาง พ.ต.อ.ทันชัย ยศชูสกุล จึงได้โทรศัพท์ติดต่อกับทางอดีตเจ้าอาวาส แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงประสานผ่านทางตัวแทน กระทั่งทราบว่า เหตุที่พระปลัดณัฐนันท์ไม่มาในวันนี้เนื่องจากกลัวมวลชน แต่รับปากว่าจะคืนที่ดินให้ สำหรับวันเวลาจะได้ทำการนัดหมายอีกครั้งหนึ่ง ชาวบ้านจึงมีมติให้  นายอดุลย์ นวลสาย ผู้ใหญ่บ้านท่าเดื่อ เป็นผู้รับมอบกรรมสิทธิ์ที่ดินผืนดังกล่าว โดยชาวบ้านจะรอการประสานอีกครั้ง  จาก นั้น จะดำเนินการให้วัดอุทุมพรขึ้นทะเบียนเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมายในภายหลัง และขอให้เร่งรัดดำเนินคดีในเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์มาทำร้ายชาวบ้าน ด้วย
           
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ ที่ดินจังหวัดลำปางยืนยันว่า ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง ว่าจะอายัตไม่ให้มีการโอนสิทธิ์ที่ดินผืนดังกล่าว จากอดีตเจ้าอาวาสวัดอุทุมพรไปยังบุคคลอื่น นอกเหนือจาก ผู้แทนชุมชนบ้านท่าเดื่อที่ชาวบ้านลงมติเป็นเอกฉันท์เท่านั้น
           
นายอุบลพันธ์ ขันผนึก นายอุบลพันธ์ ขันผนึก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปางจังหวัดลำปาง กล่าวว่า ที่ดินตรงนั้นยังไม่ได้เป็นที่ของวัด เนื่องจากวัดอุทุมพรยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นวัดอย่างถูกต้อง เดิมที่ดินวัดเก่ามีอยู่แล้วติดกับริมน้ำ แต่ทางชาวบ้านบอกว่าจุดเดิมมีน้ำท่วมบ่อย จึงย้ายที่มาสร้างในพื้นที่ตั้งวัดปัจจุบัน  ซึ่งที่ดินดังกล่าวเดิมเป็นที่ของบุคคลที่บริจาคให้สร้างวัดขึ้นมา และยังไม่สามารถขึ้นทะเบียนเป็นวัดได้เนื่องจากมีที่ดินไม่ถึง 6 ไร่ ตามระเบียบระบุไว้ว่า วัดต้องตั้งอยู่ในที่ดินที่มีเนื้อที่ติดต่อเป็นผืนเดียวกันไม่น้อยกว่า 6 ไร่ โดยไม่มีทางสาธารณะ หรือลำคลองกั้นกลาง และต้องไม่เป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์หรือที่หลวงหวงห้าม  กรณีเป็นที่ดินของเอกชน เจ้าของที่ดินจะต้องทำหนังสือสัญญายกที่ดินให้สร้างวัด และโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้วัด เมื่อได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดแล้ว   สำหรับวัดอุทมพรแห่งนี้ ถึงแม้จะสร้างมานานแล้วมีโบสถ์ วิหาร กุฏิสงฆ์อยู่ครบถ้วน แต่เมื่อที่ดินมีไม่ถึง 6 ไร่ จึงไม่สามารถขอจัดตั้งเป็นวัดได้อย่างถูกต้องตาม พ.ร.บ.สงฆ์ ดังนั้นที่ดินที่ตั้งในปัจจุบันจึงยังคงเป็นของเจ้าของที่เดิมอยู่

นายอุบลพันธ์ ขันผนึก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง กล่าวว่า เรื่องการผิดวินัยสงฆ์นั้น เบื้องต้นเป็นกรณีการทะเลาะวิวาทเป็นการไม่สำรวม ลุแก่โทสะ  สามารถปลงอาบัติกับพระสงฆ์ด้วยกันได้ คือ การสารภาพบาป แต่การกระทำของอดีตเจ้าอาวาสยังไม่ถึงขึ้นปราชิก  ส่วนเรื่องการตรวจสอบสำนักสงฆ์เขตนิคมพัฒนา ที่ชาวบ้านได้ยื่นร้องเรียนมา ตอนนี้นายอำเภอให้ทำการตรวจสอบไม่พบว่าอยู่ในเขตป่าไม้ แต่เป็นที่ดินของเอกชน หากเจ้าของที่ยินยอมทางพระก็สามารถเข้าไปสร้างวัดหรือสำนักสงฆ์ได้
           
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังแกนนำชาวบ้านว่าเดิมที่ดินที่ตั้งของวัดอุทุมพรในปัจจุบันเป็นของใคร เหตุใดจึงโอนเป็นชื่อของอดีตเจ้าอาวาสได้ ทราบว่า ที่ดินเดิมเป็นของ ร้อยตำรวจตรีสมพงษ์ ทาเครือ ซึ่งได้บริจาคที่ดินให้สร้างวัด แต่เนื่องจากที่ดินได้ติดจำนองอยู่เป็นเงิน 80,000 บาท ทางอดีตเจ้าอาวาสจึงได้นำเงินที่ได้จากการงานกฐินไปไถ่ที่ดินออกมา หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นโฉนดที่ดินอีกเลย จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้นและชาวบ้านได้ขับไล่พระออกจากวัด จากนั้นได้มีพลเมืองดีแจ้งให้ทราบว่าพระได้นำโฉนดที่ดินไปฝากขายในราคา 800,000 บาท และชื่อในโฉนดยังเป็นชื่อของพระด้วย ชาวบ้านจึงได้ไปสอบถามกับเจ้าของที่ดินคนเดิม จึงทราบว่าได้ทำการโอนที่ดินให้กับพระไปแล้ว เพราะคิดว่าชาวบ้านรับทราบแล้ว โดยทางพระก็ได้อ้างว่าแจ้งชาวบ้านแล้ว จึงยอมเซ็นโอนที่ดินให้เป็นชื่อพระ และได้มารู้พร้อมกับชาวบ้านว่าพระได้นำที่ดินไปขายฝากแล้ว ซึ่งการขายฝากก็ไม่ได้ทำตามระบบที่ถูกต้อง ไม่ได้ผ่านสำนักงานที่ดิน เป็นการโอนลอย ทำสัญญาซื้อขายไว้  ตอนนี้โฉนดก็อยู่กับคนที่รับฝากขายไม่ได้อยู่กับพระ แต่ที่พระนำมาให้ดูในวันประชุมไกล่เกลี่ยที่ สภ.เมืองได้เนื่องจากนำหลักทรัพย์ไปค้ำประกันไว้และขอยืนโฉนดออกมา  ในครั้งนั้นชาวบ้านได้ขอให้โอนที่ดินคืนให้เลยแต่ทางพระไม่ยอม จึงได้นัดกันอีกครั้งในวันที่ 20 พ.ค.58 แต่พระก็ไม่มาตามนัดดังกล่าว   ตอนนี้ชาวบ้านต้องการจบเรื่องเพียงแค่พระนำโฉนดที่ดินมาคืนให้เท่านั้น แต่เป็นพระเองที่ไม่ยอมจบ  ชาวบ้านจะรอวันนัดโอนที่ดินกันอีกครั้งวันที่ 22 พ.ค.58  หากพระยังไม่มาตามนัด ก็จะร้องเรียนไปยังมหาเถระสมาคมต่อไป
           
ทั้งนี้ เมื่อเดือน ต.ค.49  ได้เคยมีข่าวเกี่ยวกับปัญหาการจัดงานมหรสพภายในวัดอุทุมพรมาแล้ว จนเป็นเหตุให้เกิดการชกต่อยกันขึ้นและเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นหลายฉบับ กรณีพี่ชายของพระปลัดณัฐนันท์ อดีตเจ้าอาวาส ได้ชกต่อยผู้ใหญ่บ้านท่าเดื่อในขณะนั้น และได้มีการแจ้งความกัน กระทั่งคู่กรณีได้ยินยอมขอโทษผู้ใหญ่บ้าน แต่กลับมีการปล่อยข่าวว่าผู้ใหญ่บ้านเป็นคนชกต่อยพี่ชายของพระได้รับบาดเจ็บ  ผู้ใหญ่บ้านจึงได้นำหลักฐานมาแจ้งข้อเท็จจริงกับทางหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น จนกระทั่งเป็นข่าวหน้าหนึ่งในหลายฉบับดังกล่าว

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1029   วันที่  22  28  พฤษภาคม  2558)

Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์