เจ้าอาวาสกลัวพลังมวลชน
เบี้ยวนัดโอนที่ดิน นายอำเภอติดต่อผ่านตัวแทนบอกจะโอนให้โดยเร็ว
ขณะที่ผอ.สำนักพุทธฯ เผยที่ดินยังไม่ได้เป็นของวัด
เนื่องจากยังไม่ได้จดทะเบียนถูกต้อง เพราะขนาดพื้นที่ของวัดมีเพียง 2 ไร่
ไม่เป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้ว่าวัดต้องมีที่ดิน 6 ไร่ขึ้นไป
เมื่อวันที่
20 พ.ค. 58 ที่ห้องประชุมอำเภอเมือลำปาง นายสุวิทย์
เล็กกำแหง นายอำเภอเมืองลำปาง พ.ต.อ.ทันชัย ยศชูสกุล พงส.ผทค. สภ.เมืองลำปาง
นายอุบลพันธ์ ขันผนึก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง
ร่วมประชุมกรณีที่ชาวบ้านท่าเดื่อ หมู่ 12 ต.พิชัย
อ.เมืองลำปาง ได้ร้องเรียน อดีตเจ้าอาวาสวัดอุทุมพรโอนกรรมสิทธ์ที่ดินวัดเป็นของตน
โดยมีนายอดุลย์ นวลสาย ผู้ใหญ่บ้าน ท่าเดื่อ ม.12 ต.พิชัย
อ.เมืองลำปาง พร้อมตัวแทน ชาวบ้าน จำนวน 30 คน ร่วมเข้ารับฟังคำชี้แจงในครั้งนี้
หลังจากเมื่อวันที่
15 พ.ค.58 ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมไกล่เกลี่ยกันที่ สภ.เมืองลำปาง
ซึ่งพระปลัดณัฐนันท์ อดีตเจ้าอาวาส
รับว่าจะนำโฉนดที่ดินของวัดมามอบให้ชาวบ้านผ่านนายอำเภอเมือง และขอชี้แจงกับชาวบ้านด้วย
โดยนัดกันในวันที่ 20 พ.ค.58 แต่ปรากฏพระปลัดณัฐนันท์
ไม่ได้มาตามนัดหมาย ทาง พ.ต.อ.ทันชัย ยศชูสกุล
จึงได้โทรศัพท์ติดต่อกับทางอดีตเจ้าอาวาส แต่ไม่สามารถติดต่อได้
จึงประสานผ่านทางตัวแทน กระทั่งทราบว่า เหตุที่พระปลัดณัฐนันท์ไม่มาในวันนี้เนื่องจากกลัวมวลชน
แต่รับปากว่าจะคืนที่ดินให้ สำหรับวันเวลาจะได้ทำการนัดหมายอีกครั้งหนึ่ง ชาวบ้านจึงมีมติให้ นายอดุลย์ นวลสาย ผู้ใหญ่บ้านท่าเดื่อ เป็นผู้รับมอบกรรมสิทธิ์ที่ดินผืนดังกล่าว
โดยชาวบ้านจะรอการประสานอีกครั้ง จาก
นั้น
จะดำเนินการให้วัดอุทุมพรขึ้นทะเบียนเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมายในภายหลัง
และขอให้เร่งรัดดำเนินคดีในเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์มาทำร้ายชาวบ้าน
ด้วย
ขณะที่
เจ้าหน้าที่ ที่ดินจังหวัดลำปางยืนยันว่า ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สภ.เมืองลำปาง ว่าจะอายัตไม่ให้มีการโอนสิทธิ์ที่ดินผืนดังกล่าว
จากอดีตเจ้าอาวาสวัดอุทุมพรไปยังบุคคลอื่น นอกเหนือจาก
ผู้แทนชุมชนบ้านท่าเดื่อที่ชาวบ้านลงมติเป็นเอกฉันท์เท่านั้น
นายอุบลพันธ์
ขันผนึก นายอุบลพันธ์ ขันผนึก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปางจังหวัดลำปาง
กล่าวว่า ที่ดินตรงนั้นยังไม่ได้เป็นที่ของวัด เนื่องจากวัดอุทุมพรยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นวัดอย่างถูกต้อง
เดิมที่ดินวัดเก่ามีอยู่แล้วติดกับริมน้ำ แต่ทางชาวบ้านบอกว่าจุดเดิมมีน้ำท่วมบ่อย
จึงย้ายที่มาสร้างในพื้นที่ตั้งวัดปัจจุบัน ซึ่งที่ดินดังกล่าวเดิมเป็นที่ของบุคคลที่บริจาคให้สร้างวัดขึ้นมา
และยังไม่สามารถขึ้นทะเบียนเป็นวัดได้เนื่องจากมีที่ดินไม่ถึง 6 ไร่ ตามระเบียบระบุไว้ว่า
วัดต้องตั้งอยู่ในที่ดินที่มีเนื้อที่ติดต่อเป็นผืนเดียวกันไม่น้อยกว่า 6 ไร่ โดยไม่มีทางสาธารณะ หรือลำคลองกั้นกลาง
และต้องไม่เป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์หรือที่หลวงหวงห้าม กรณีเป็นที่ดินของเอกชน
เจ้าของที่ดินจะต้องทำหนังสือสัญญายกที่ดินให้สร้างวัด
และโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้วัด เมื่อได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดแล้ว สำหรับวัดอุทมพรแห่งนี้
ถึงแม้จะสร้างมานานแล้วมีโบสถ์ วิหาร กุฏิสงฆ์อยู่ครบถ้วน แต่เมื่อที่ดินมีไม่ถึง 6 ไร่ จึงไม่สามารถขอจัดตั้งเป็นวัดได้อย่างถูกต้องตาม พ.ร.บ.สงฆ์
ดังนั้นที่ดินที่ตั้งในปัจจุบันจึงยังคงเป็นของเจ้าของที่เดิมอยู่
นายอุบลพันธ์
ขันผนึก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง กล่าวว่า เรื่องการผิดวินัยสงฆ์นั้น
เบื้องต้นเป็นกรณีการทะเลาะวิวาทเป็นการไม่สำรวม ลุแก่โทสะ สามารถปลงอาบัติกับพระสงฆ์ด้วยกันได้ คือ
การสารภาพบาป แต่การกระทำของอดีตเจ้าอาวาสยังไม่ถึงขึ้นปราชิก ส่วนเรื่องการตรวจสอบสำนักสงฆ์เขตนิคมพัฒนา
ที่ชาวบ้านได้ยื่นร้องเรียนมา ตอนนี้นายอำเภอให้ทำการตรวจสอบไม่พบว่าอยู่ในเขตป่าไม้
แต่เป็นที่ดินของเอกชน
หากเจ้าของที่ยินยอมทางพระก็สามารถเข้าไปสร้างวัดหรือสำนักสงฆ์ได้
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังแกนนำชาวบ้านว่าเดิมที่ดินที่ตั้งของวัดอุทุมพรในปัจจุบันเป็นของใคร
เหตุใดจึงโอนเป็นชื่อของอดีตเจ้าอาวาสได้ ทราบว่า ที่ดินเดิมเป็นของ ร้อยตำรวจตรีสมพงษ์
ทาเครือ ซึ่งได้บริจาคที่ดินให้สร้างวัด
แต่เนื่องจากที่ดินได้ติดจำนองอยู่เป็นเงิน 80,000 บาท
ทางอดีตเจ้าอาวาสจึงได้นำเงินที่ได้จากการงานกฐินไปไถ่ที่ดินออกมา
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นโฉนดที่ดินอีกเลย
จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้นและชาวบ้านได้ขับไล่พระออกจากวัด
จากนั้นได้มีพลเมืองดีแจ้งให้ทราบว่าพระได้นำโฉนดที่ดินไปฝากขายในราคา 800,000 บาท และชื่อในโฉนดยังเป็นชื่อของพระด้วย ชาวบ้านจึงได้ไปสอบถามกับเจ้าของที่ดินคนเดิม
จึงทราบว่าได้ทำการโอนที่ดินให้กับพระไปแล้ว เพราะคิดว่าชาวบ้านรับทราบแล้ว
โดยทางพระก็ได้อ้างว่าแจ้งชาวบ้านแล้ว จึงยอมเซ็นโอนที่ดินให้เป็นชื่อพระ
และได้มารู้พร้อมกับชาวบ้านว่าพระได้นำที่ดินไปขายฝากแล้ว ซึ่งการขายฝากก็ไม่ได้ทำตามระบบที่ถูกต้อง
ไม่ได้ผ่านสำนักงานที่ดิน เป็นการโอนลอย ทำสัญญาซื้อขายไว้ ตอนนี้โฉนดก็อยู่กับคนที่รับฝากขายไม่ได้อยู่กับพระ
แต่ที่พระนำมาให้ดูในวันประชุมไกล่เกลี่ยที่
สภ.เมืองได้เนื่องจากนำหลักทรัพย์ไปค้ำประกันไว้และขอยืนโฉนดออกมา ในครั้งนั้นชาวบ้านได้ขอให้โอนที่ดินคืนให้เลยแต่ทางพระไม่ยอม
จึงได้นัดกันอีกครั้งในวันที่ 20 พ.ค.58 แต่พระก็ไม่มาตามนัดดังกล่าว
ตอนนี้ชาวบ้านต้องการจบเรื่องเพียงแค่พระนำโฉนดที่ดินมาคืนให้เท่านั้น
แต่เป็นพระเองที่ไม่ยอมจบ ชาวบ้านจะรอวันนัดโอนที่ดินกันอีกครั้งวันที่
22 พ.ค.58 หากพระยังไม่มาตามนัด
ก็จะร้องเรียนไปยังมหาเถระสมาคมต่อไป
ทั้งนี้
เมื่อเดือน ต.ค.49
ได้เคยมีข่าวเกี่ยวกับปัญหาการจัดงานมหรสพภายในวัดอุทุมพรมาแล้ว
จนเป็นเหตุให้เกิดการชกต่อยกันขึ้นและเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นหลายฉบับ
กรณีพี่ชายของพระปลัดณัฐนันท์ อดีตเจ้าอาวาส
ได้ชกต่อยผู้ใหญ่บ้านท่าเดื่อในขณะนั้น และได้มีการแจ้งความกัน
กระทั่งคู่กรณีได้ยินยอมขอโทษผู้ใหญ่บ้าน
แต่กลับมีการปล่อยข่าวว่าผู้ใหญ่บ้านเป็นคนชกต่อยพี่ชายของพระได้รับบาดเจ็บ ผู้ใหญ่บ้านจึงได้นำหลักฐานมาแจ้งข้อเท็จจริงกับทางหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น
จนกระทั่งเป็นข่าวหน้าหนึ่งในหลายฉบับดังกล่าว
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1029 วันที่ 22 - 28 พฤษภาคม 2558)