ในวันที่พ่อไม่อยู่แล้ว คมกริชคือคนสืบทอดอาชีพอันเก่าแก่นี้ อาชีพขับรถม้าและฝึกม้าเทียมรถ ปัจจุบันบ้านวังหม้อมีรถม้าเหลืออยู่ราว 35 คัน ทว่าคนฝึกม้าเทียมรถได้นั้น มีอยู่ไม่ถึง 10 คน
คมกริช แก้วนวล วัย 31 ปี เกิดและเติบโตในครอบครัวคนเลี้ยงม้าแห่งบ้านวังหม้อ จึงรักและผูกพันกับม้าเฉกเช่นพ่อของเขา คมกริชขี่ม้าเป็นตอนอายุ 10 ขวบ หลังจากนั้นก็เริ่มเรียนรู้ที่จะขับรถม้า รวมถึงเทคนิคการฝึกม้าเทียมรถจากผู้เป็นพ่อ
“ม้าจะเริ่มฝึกได้ตั้งแต่อายุ 3 ปีขึ้นไปจนถึง 10 กว่าปีครับ ถ้าเด็กเกินไป หรือแก่เกินไป เขาจะบาดเจ็บได้ง่าย” คมกริชพูดอย่างคล่องแคล่ว นอกจากเรื่องอายุม้าที่เคร่งครัดแล้ว ม้าตัวนั้นๆ ยังต้องมีใบยืนยันจากกรมปศุสัตว์ด้วยว่า มีสุขภาพดีและไม่มีโรคติดต่อร้ายแรง
นอกจากนี้ ยังตกลงกันก่อนว่า ม้าที่จะนำมาให้ฝึกเทียมรถนั้น ลูกค้าจะฝากไว้ที่คอกของคมกริชตลอดระยะเวลาการฝึก หรือเป็นแบบมารับกันวันต่อวัน หากจะฝากไว้ที่คอก เพื่อให้คมกริชดูแล กระทั่งฝึกจนเทียมรถเป็นจึงส่งคืน จะคิดค่าดูแลวันละ 100 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่แยกต่างหากจากคอร์สฝึก เงินจำนวนนี้ใช้ซื้อข้าวเปลือก รำ และหญ้าแพงโกลา ที่เดี๋ยวนี้กิโลกรัมละ 2 บาทแล้ว
หลังจากรับม้ามาแล้ว ก็ถึงเวลาต้องสร้างความคุ้นเคยกัน คมกริชใช้วิธีขี่ม้า อาบน้ำให้ม้า เพื่อสร้างมิตรภาพเล็กๆให้ก่อเกิด จากนั้นสอนให้ม้ารู้จักซ้าย-ขวา ด้วยการใส่สายบังเหียน เลี้ยวขวา-ดึงขวา เลี้ยวซ้าย-ดึงซ้าย หากจะหยุดก็ดึงคู่ เมื่อเริ่มคุ้นเคยกันแล้ว คมกริชจะเตรียมบังตา เครื่องหลัง คาดอก สำหรับการเทียมรถครั้งแรก
“ม้าแต่ละตัวไม่เหมือนกันครับ บางตัวฝึกถึง 10 วันกว่าจะเชื่อง พวกนี้ต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะเทียมรถม้าได้ บางตัวดื้อมาก ลงไปนอนเลย ทำอย่างไรก็ไม่ยอมลุก ต้องมีตีกันบ้าง เพื่อให้เขารู้ แต่ปกติผมจะไม่ตีม้า เพราะผมรักม้ามาก พวกดื้อๆนี่ นานๆจะเจอสักตัว”
เมื่อถึงเวลาหัดเทียมรถ คมกริชจะระดมลูกทีมอีก 4 คน รวมทั้งหมดเป็น 5 คน เพื่อช่วยกันคุมม้า คมกริชทำหน้าที่บังคับม้าอยู่บนรถ คนหนึ่งลงไปวิ่งขนาบข้าง ถ้าเหนื่อยก็เปลี่ยนเอาคนที่เหลือ ซึ่งนั่งรออยู่บนรถลงมาแทน ทั้งนี้ หากเป็นม้าใหญ่อย่างม้าลูกผสม อาจต้องใช้คนถึง 6-7 คนเลยทีเดียว โดยจะวิ่งบนถนนรอบนอกก่อนสัก 3-4 วัน เมื่อม้าเริ่มคุ้นเคยกับเครื่องเครารุงรังบนตัวแล้ว ค่อยพาเข้าไปวิ่งในเมือง โดยจะใช้เส้นทางวงรอบที่คนขับรถม้าวิ่งบริการนักท่องเที่ยวจริงๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับม้า นอกจากนี้ ยังต้องฝึกให้ม้าเหยียบไปบนฝาท่อระบายน้ำบนถนนให้ได้ เนื่องจากม้าทุกตัวจะมีสัญชาตญาณหลบสิ่งแปลกปลอมบนเส้นทาง จึงต้องให้เขาเคยชินกับการเหยียบไปบนฝาท่อระบายน้ำ ซึ่งเป็นวัตถุแวววาวและเกิดเสียงดัง
“ส่วนใหญ่ฝึก 3 อาทิตย์ก็วิ่งรับนักท่องเที่ยวได้แล้วครับ” คมกริชบอกว่า ลูกค้ามักมาจ้างฝึกม้าในช่วงเข้าพรรษา เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน เป็นช่วงโลว์ซีซันที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว ฝึกเสร็จสามารถนำออกมารับนักท่องเที่ยวได้ทันช่วงฤดูหนาว ไฮซีซันพอดี ทั้งนี้ คมกริชเองก็ไม่รับฝึกม้าหลังเข้าพรรษา เพราะเขาเองก็มีรถม้าที่ต้องนำออกวิ่งรับนักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน
ครบ 3 อาทิตย์แล้ว เมื่อม้าวิ่งเทียมรถได้อย่างน่าพอใจ ก็ถึงเวลาส่งมอบงานลูกค้า ซึ่งเป็นคนขับรถม้า จะทดลองขับจนแน่ใจ เมื่อนั้นก็จะจ่ายเงินให้คมกริช หากเป็นม้าเล็กอย่างม้าพื้นบ้าน หรือม้าแกลบ ราคาตัวละ 8,000 บาท ม้าใหญ่อย่างม้าลูกผสม ราคา 10,000-12,000 บาท เนื่องจากตัวใหญ่และมีนิสัยชอบเตะ พวกนี้ฝึกขี่ง่ายก็จริง แต่ฝึกเทียมรถยาก
“บอกตามตรงเลยว่า อาชีพฝึกม้านี่ไม่คุ้มหรอกครับ เงินที่ได้แบ่งกันในทีมก็เหลือไม่เท่าไร อาศัยใจรัก จะเลิกก็ไม่ได้ เพราะทุกวันนี้เหลือคนทำน้อยลงทุกที”
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1041 วันที่ 14 - 20 สิงหาคม 2558)