วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ความตายของ “ปลาหมอ”


           
มีคำพังเพยโบราณ ที่ยังทันสมัยสำหรับคนยุคนี้ คือคำว่า “ปลาหมอตายเพราะปาก” หมายถึงคนที่ปากพล่อยชอบพูดจาไม่ดี จนตัวเองต้องได้รับผลผลกระทบเพราะคำพูดของตนเองที่ได้พูดไป
           
คนโบราณช่างสังเกต เวลาปลาหมออยู่ในน้ำชอบที่จะโผล่ปากขึ้นมาหายใจบ่อยๆ ทำให้นักตกปลาจับสังเกตได้ เมื่อเห็นปลาหมอโผล่มาบริเวณไหนก็จะนำคันเบ็ดที่มีเหยื่อไปหย่อนไว้ ปลาหมอก็กินเหยื่อและถูกตกได้ในที่สุด
           
เมื่อไม่กี่วันนี้ ชายหนุ่มที่ชื่อพิชิต ก็ทำให้เห็นว่า สำนวนที่ว่าปลาหมอตายเพราะปากนั้น เป็นอย่างไร เมื่อเขาขู่วางระเบิดบนเครื่อง ที่กำลังจะเทคออฟจากสนามบินดอนเมือง จนวุ่นวายโกลาหลกันยกใหญ่ ที่สำคัญผลของพันธุ์ปากพล่อย ทำให้เขาต้องรับโทษหนักตามกฏหมายเดินอากาศซึ่งเพิ่งประกาศใช้
           
ยุคนี้สมัยนี้ยุคที่ประเทศไทยพัฒนาก้าวไกลทั้งเรื่องเทคโนโลยีพัฒนาชาติและการศึกษาพัฒนาคน เพื่อให้ไทยเราทัดเทียมอารยประเทศ แต่ดูเหมือนว่าเราจะเดินย่ำอยู่กับที่ ในขณะที่ชาวโลกเดินนำหน้าเราไปอีกหลายขุม
           
เรื่องบางเรื่องไม่ควรจะเป็นเรื่อง แต่กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่และบานปลาย ทั้งที่เรื่องนี้เป็นพื้นฐานของปุถุชนคนที่ควรรู้ ไม่ใช่ว่าพอเกิดเรื่องก็แจงว่า ไม่รู้ว่ามีกฎหมายแบบนี้ เป็นการพูดออกไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
           
วีรกรรมของนานพิชิต เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา เมื่อพิชิตขู่วางระเบิดบนเครื่องบินของสายการบินไลอ้อนแอร์ ที่กำลังบินออกจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง จนทำให้ต้องยกเลิกการบิน พร้อมให้ผู้โดยสารทั้งหมดลงจากเครื่องบินทันที จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ประสานให้หน่วยอีโอดีมาตรวจสอบ และได้ควบคุมตัวผู้โดยสารชายหนุ่มคนดังกล่าวไปสอบสวน
           
นายพิชิตผู้ปากไวกว่าความคิด ยอมรับว่าเป็นผู้พูดจาหยอกล้อถึงเรื่องระเบิดบนเครื่องบินจริง แต่ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพียงจะจีบแอร์โฮสเตสเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่เกี่ยวกับการก่อเหตุซุกซ่อนระเบิดภายในเครื่องบินไทยไลอ้อนแอร์ แต่อย่างใด
           
พิชิตเป็นพนักงานการรถไฟ ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี กำลังจะเดินทางกับสายการบินดังกล่าวเพื่อไปร่วมงานแต่งงานเพื่อนที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่จากการที่พูดจาโดยไม่ยั้งคิดจึงทำให้กัปตันยกเลิกเที่ยวบิน และแจ้งความดำเนินคดี
           
นายพิชิต เป็นผู้ต้องหาตามมาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ถือเป็นคนแรกที่ขณะทำความผิดอยู่ในราชอาณาจักรไทย และขณะนี้อยู่ระหว่างการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งกฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ออกมาใหม่เอี่ยม
           
หลังจากที่ข่าวนี้ถูกนำเสนออกไปทุกช่องทาง ดูเหมือนว่าจะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเฟสบุ๊คที่ประเทศไทยมีผู้ใช้มากถึง 30 ล้านยูสเซอร์ และอายุของผู้ใช้เฟสบุ๊คส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 18-34 ปี (รวมกันมากถึง 60%) ซึ่งความคิดเห็นจำนวนไม่น้อยที่บอกว่า  น่าสงสาร ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่น่าไปเรียกร้องค่าเสียหายจากเขา บ้างก็บอกว่าแอร์สาวทำเกินไป ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เขาแค่แซวเล่นๆทำไมต้องไปฟ้องกัปตัน และอีกหลายความคิดเห็นที่เหมือนจะพยายามทำให้กฎดราม่าอยู่เหนือกฎหมายด้วยคำว่า สงสาร” เพราะในเนื้อข่าวจากถ้อยคำที่มาจากนายคนนี้ดูเหมือนว่าจะแค่เป็นการแซวเล่น ขำๆเพราะแค่อยากจีบ
           
แต่ตอนนี้ได้มีข้อมูลที่อ้างว่ามาจากฝั่งสาวแอร์ที่อยู่ในภาวะเครียด เพราะกลัวจะทำให้ครอบครัวของหนุ่มคนนี้ลำบาก รวมถึงถูกชาวเน็ตหลายคนเข้าไปต่อว่าทำไมถึงทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ทำเกินไปหรือเปล่า น่าสงสารหนุ่มรถไฟคนนี้ โดยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดว่า
           
"ผู้โดยสารมากับเพื่อนๆ นั่งตรงemergency exit (ประตูทางออกฉุกเฉิน) แถว20 แอร์สาวได้เช็กcabinตรวจตราความเรียบร้อยก่อนออกบิน ขณะนั้นเจอกระเป๋าเล็ก ขนาดเล็กๆประมาณ15x15 cm เลยจะหยิบเพื่อเก็บให้ แต่หนุ่มคนนี้กลับพูดหน้านิ่งๆ ไม่มียิ้มว่า สงสัยจะมีระเบิด” แอร์จึงหันไปดุด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า พูดแบบนี้ไม่ได้นะคะ มีสิทธิ์จะโดนเชิญลงจากเครื่อง แต่หนุ่มคนนี้ก็ยังหน้านิ่งและไม่มีท่าทีจะปฏิเสธหลังจากนั้นแอร์คนนี้จึง เดินไปแจ้ง in charge(รองหัวหน้าลูกเรือ) และ in charge เดินมาถามย้ำให้แน่ใจ ถึง 2 รอบ แต่หนุ่มคนนี้หน้านิ่งพูดคำเดิม มีระเบิด” ไม่มีท่าทีว่าจะจีบแอร์ พร้อมด้วยสีหน้าที่ซีเรียส เอาจริง และยังไม่มีการยอมรับว่า ล้อเล่นหรือพูดเล่น ต่อมาจึงแจ้งเพอเซอร์(หัวหน้าลูกเรือ)และกัปตัน สุดท้ายกัปตันจึงให้ทุกคนรีบอพยพออกจากเครื่องเพื่อความปลอดภัย"
           
ทั้งหมดนี้เป็นการทำตามหลักสากลของสายการบินทั่วโลก ไม่ใช่เพราะเป็นกฎหมายใหม่ที่ยังประกาศได้ไม่นาน แต่นี้เป็นพื้นฐานที่พึงปฏิบัติ
           
แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือ ตรรกะความคิดของผู้ที่มาแสดงความเห็นจำนวนมากที่บอกว่า ควรยกโทษให้เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในกรณีนี้นั่นอาจต้องมีการย้อนคิดว่าเพราะเหตุใดตรรกะความคิดของสิงห์คีย์บอร์ดเมืองไทยถึงได้เอียงกะเท่เร่ได้ถึงเพียงนี้ และหากกรณีนี้หลุดพ้นได้ อีกหน่อยเราคงได้เห็นเด็กน้อยแทงคนตายแล้วอ้างว่าไม่รู้ว่ามีกฎหมายและทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมื่อนั่นเราค่อยมาคิดทบทวนกันหรือ
           
ล่าสุดมีแว่วว่าสายการบิน จ่อจะฟ้องค่าเสียหายจากความล่าช้าของเที่ยวบินคิดเป็นชั่วโมงละ 250,000 บาท รวม 6 ชั่วโมง กว่า 1.5 ล้านบาท เมื่อรวมค่าเสียหายอื่น ๆ แล้วไม่น่าต่ำกว่า 2 ล้านบาท
           
ปลาหมอจึงตายด้วยปาก ด้วยเหตุฉะนี้แล

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1053 วันที่ 6 - 12 พฤศจิกายน 2558)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์