วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ธนารักษ์ขอคืนพื้นที่ ปิดฉากโซล่าฟาร์ม ยังไม่ใช่ป่าชุมชน


ผู้การศูนย์ฝึกฯแจ้ง สตช. ยันใช้พื้นที่ป่าเป็นสถานที่ฝึกนักเรียนนายสิบ ยังไม่มีความคืบหน้า ด้านธนารักษ์พื้นที่เสนอกรมธนารักษ์ ให้ สตช.คืนพื้นที่ราชพัสดุเป็นป่าชุมชนลดความขัดแย้ง  ชาวบ้านเฮ ประกาศชัยชนะ ย้ำจะรักษาผืนป่าให้ดีที่สุด  แต่ยังต้องรอคำตอบจากกรมธนารักษ์  และ อบต.ต้องขอใช้พื้นที่เท่านั้น  ชาวบ้านจะเอาป่ามาเป็นของตัวเองไมได้

จากกรณีที่ชาวบ้านป่าเหียง หมู่ 1 ต.บ่อแฮ้ว อ.เมือง จ.ลำปาง ได้ออกมาคัดค้านการก่อสร้าง
โรงไฟฟ้าโซล่าฟาร์มของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้เล็งพื้นที่ป่าชุมชนของบ้านป่าเหียง ซึ่งเป็นพื้นที่ราชพัสดุจำนวน 357 ไร่ ที่ทางศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5  ขอใช้เป็นสถานที่ฝึกนักเรียนนายสิบ กลุ่มชาวบ้านจึงได้ยื่นหนังสือคัดค้านถึงผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และธนารักษ์พื้นที่จังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 58 ที่ผ่านมา

จากประเด็นปัญหาดังกล่าว เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 58 นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยมี พล.ต.ต.อุดม พรหมสุรินทร์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5  นายสุวพงศ์ สงวนศักดิ์ ธนารักษ์พื้นที่จังหวัดลำปาง ร่วมให้ข้อมูล

พล.ต.ต.อุดม พรหมสุรินทร์  ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า  เนื่องจากโครงการโซล่าฟาร์มเป็นโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะหาพลังงานทดแทนให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายทดแทนของ สตช.ขึ้นมา สำรวจพื้นที่กว้างเกินกว่า 30 ไร่ทั่วประเทศที่อยู่ในความรับผิดชอบของ สตช. ซึ่งที่ จ.ลำปางมีอยู่ 1 แปลง เป็นที่ราชพัสดุเลขที่ ลำปาง 1041  บริเวณบ้านป่าเหียง หมู่ ต.บ่อแฮ้ว  จำนวน 357 ไร่ 1 งาน 1 ตารางวา    ตนเองเคยนำข้อมูลของพื้นที่ดังกล่าวไปชี้แจงกับ สตช.แล้วครั้งหนึ่ง  เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.58  เกี่ยวกับการใช้งานในพื้นที่ ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกภาคสนามของนักเรียนนายสิบตำรวจ   ยังคงใช้งานอยู่โดยตลอด เป็นการฝึกยุทธวิธี ฝึกการรบในป่า หรือที่เรียกว่าหลักสูตรชัยยะ หลักสูตรพิทักษ์สันติ เป็นต้น  หลังจากนั้นก็ยังไม่ทราบว่า การพิจารณาของคณะกรรมการอยู่ในขั้นตอนไหน ซึ่งคงต้องมีปัจจัยหลายๆด้านประกอบ จนขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับแจ้งว่าจะทำอย่างไรกับพื้นที่ดังกล่าว
 
ธนารักษ์พื้นที่ กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องนี้ยังไปไม่ถึงไหนเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้หารือไปยังธนารักษ์ ในเรื่องการสำรวจพื้นที่ราชพัสดุ ซึ่งมีทั้งหมด 20  โครงการ เป็นพื้นที่ จ.ลำปางอยู่  4 โครงการ  โดย สตช.ได้หารือกับกรมธนารักษ์อยู่ 3 ประเด็น คือ  สามารถดำเนินการในเชิงสวัสดิการเชิงธุรกิจโดย สตช.ได้หรือไม่  ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนด้วยหรือไม่ และหากดำเนินการได้จะกำหนดอัตราค่าเช่าอย่างไร รวมถึงรายได้ที่เกิดจากการผลิตกระแสไฟฟ้าจะดำเนินการอย่างไร  ซึ่งกรมธนารักษ์ยังไม่ได้ตอบกลับยัง สตช. เนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล 20 โครงการทั่วประเทศ

แต่ทางราษฎรได้มาพบกับธนารักษ์พื้นที่ที่ศาลากลางจังหวัด ปรึกษาว่าต้องการจะให้พื้นที่ตรงนี้เป็นป่าชุมชนจะดำเนินการอย่างไร  ซึ่งการจะขอใช้พื้นที่ราชพัสดุ หน่วยงานที่ต้องขอใช้คือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อผ่านท้องถิ่นก็ต้องขอความเห็นชอบจาก สตช.ว่าจะให้ใช้เป็นป่าชุมชนได้หรือไม่ เพราะทางตำรวจใช้พื้นที่อยู่   ขณะเดียวกันก็ยังไม่ได้ข้อยุติว่า สตช.และกรมธนารักษ์จะดำเนินการเรื่องการผลิตไฟฟ้าอย่างไร หากโครงการนี้ไม่ได้เกิดขึ้นก็ต้องให้ทาง สตช.ยินยอมกับจังหวัด เพื่อให้ อปท. เข้าไปทำประโยชน์เป็นป่าชุมชน ดังนั้นต้องรอฟังก่อนว่าจะสรุปอย่างไร  แต่เมื่อชาวบ้านทราบข่าวก็ได้มากันในเชิงคัดค้าน เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ไป จึงแนะนำให้ทำหนังสือว่าชุมชนไม่เห็นด้วยกับกรณีดังกล่าว เพื่อส่งไปให้ทางกรมธนารักษ์ได้พิจารณา ธนารักษ์พื้นที่ กล่าว

นายสุวพงศ์ กล่าวต่อไปว่า การจะใช้พื้นที่การฝึกมาทำเป็นโซล่าฟาร์ม ก็จะต้องอยู่ที่ทางตำรวจเองว่าจะเลิกใช้เป็นสถานที่ฝึกแล้วใช่หรือไม่ ถ้าจะทำเป็นโซล่าฟาร์มก็ทำได้เพราะมีระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการดำเนินการสวัสดิการภายในส่วนราชการและสวัสดิการภายในเชิงธุรกิจ  ซึ่งเป็นการให้เอกชนเข้ามาทำแล้วส่งรายได้เข้าไปในกองทุนสวัสดิการของตำรวจ  หรือจะส่งคืนพื้นที่ให้กับธนารักษ์การเช่าทำโซล่าฟาร์มก็จะนำรายได้เข้าแผ่นดินโดยตรงก็ได้  ถ้าทางตำรวจยืนยันว่าใช้พื้นที่อยู่ โครงการก็ไม่น่าจะเกิด โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับการนำพื้นที่ป่ามาทำโซล่าฟาร์ม เพราะเสียของ เสียสภาพป่า  เคยมีบริษัทมาขอเช่าที่ อ.แม่เมาะ 300 กว่าไร เพื่อปลูกหญ้าเนเปียทำโรงไฟฟ้า แต่สมัยนั้นผู้ว่าฯธานินทร์ ไม่อนุมัติเพราะต้องถางป่าออกไปมูลค่าหลายล้านบาท ไม่คุ้มกับป่าที่ต้องหมดไป โครงการนั้นจึงตกไปแล้ว

เมื่อสอบถามถึงการขอใช้เป็นพื้นที่ป่าชุมชน  นายสุวพงศ์ กล่าวว่า  ชาวบ้านไม่มีสิทธิ์ขอใช้พื้นที่ราชพัสดุ ต้องเป็น อปท.ในพื้นที่ขอใช้ แต่ตอนนี้ตำรวจใช้พื้นที่อยู่ การที่ชาวบ้านจะเข้าใช้ประโยชน์เป็นป่าชุมชน ชาวบ้านก็ต้องมาตกลงกับศูนย์ฝึกฯ  แต่กรณีที่ส่งคืนพื้นที่ให้ธนารักษ์แล้ว อปท.ในพื้นที่ต้องยื่นขอเข้ามา  ทางธนารักษ์พื้นที่ ก็จะรายงานไปยังกรมธนารักษ์ตามขั้นตอน  แต่ถ้าชาวบ้านจะเอาเป็นป่าของตัวเองนั้นไม่สามารถทำได้

ในเรื่องนี้หากกรมธนารักษ์ให้ความเห็นชอบให้ สตช.ดำเนินโครงการโซล่าฟาร์ม โดยนำที่ราชพัสดุไปสนับสนุนก็จะขัดแย้งกับชุมชนในพื้นที่  ทางธนารักษ์พื้นที่จึงได้มีข้อเสนอแนะไปว่าเห็นควรให้ สตช.ส่งคืนพื้นที่ราชพัสดุให้กับกรมธนารักษ์ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์เป็นป่าชุมชน เสนอไปให้กรมธนารักษ์เพื่อพิจารณาแล้ว พร้อมกับแจ้งให้อำเภอเมืองลำปางและศูนย์ฝึกตำรวจฯทราบในเบื้องต้น จากนั้นต้องรอผลการพิจารณาของกรมธนารักษ์ต่อไป

ด้านชาวบ้านป่าเหียง ได้มีการนำข้อมูลกรณีทางธนารักษ์พื้นที่เสนอความคิดเห็นให้ สตช.คืนพื้นที่ให้กับกรมธนารักษ์ ขึ้นในเฟสบุ๊กของกลุ่ม “เฮาฮักป่าเหียง” ชาวบ้านต่างเข้ามาแสดงความดีใจ พร้อมกับมีแนวคิดว่าจะทำป้ายผืนป่าชุมชนเฉลิมพระเกียรติบ้านป่าเหียง ไปติดตั้งทั้ง 4 ด้านของผืนป่าด้วย แต่อย่างไรก็ตามขั้นตอนการเป็นป่าชุมชนถือว่ายังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากทางกรมธนารักษ์ยังไม่ได้มีการตอบกลับในเรื่องดังกล่าว และการขอป่าชุมชนต้องให้ทาง อบต.เป็นผู้ยื่นขอใช้พื้นที่เท่านั้น ทางชาวบ้านไม่สามารถดำเนินการเองได้

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1055 วันที่ 20 - 26 พฤศจิกายน 2558)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์