กุลธิดา สืบหล้า
ตั้งแต่เปิดตัว “สถานีท่องเที่ยวบ้านท่าสี” ไปเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าบ้านท่าสี ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง จะมีนักท่องเที่ยวทั้งกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่แวะเวียนมาไม่ได้ขาด
ห่างจากตัวเมืองลำปางไปตามเส้นทางลำปาง-งาว ราวกิโลเมตรที่ 38 ด้านซ้ายมือเราจะเห็นที่ทำการสถานีท่องเที่ยวบ้านท่าสีตั้งอยู่ริมถนน ส่วนภูเขาหินปูนเด่นตระหง่านทางด้านหลังนั้น คือดอยผาก้าน คำว่า “ก้าน” แปลว่า “แพ้” ที่มาของชื่อไกด์เล่าว่า สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่น ซึ่งเป็นฝ่ายแพ้สงคราม ได้พากันมาหลบซ่อนตามหลืบถ้ำบนดอยนี้

หลังฟังบรรยายสรุปแล้ว ไกด์ชาวบ้านท่าสีก็พาเราไปยังจุดจอดรถใกล้กับตีนดอยผาก้าน หรือจะฝากรถไว้ที่สถานีฯ แล้วเหมารถของชาวบ้านไปก็ได้ จากนั้นก็ได้เวลาเดินป่าระยะสั้น ๆ ไปชมภาพเขียนสีโบราณและหลุมขุดค้นโครงกระดูกมนุษย์โบราณ
ทางเดินในช่วงแรกค่อนข้างชัน ผ่านเข้าไปในป่า ซึ่งระเกะระกะไปด้วยก้อนหินน้อยใหญ่ ตามพื้นดินเราพบขนุนดินออกดอกสีแดงเป็นกลุ่มอยู่ตรงโน้นตรงนี้ ขนุนดินได้ชื่อว่าเป็นพืชกาฝาก หรือพืชเบียน เพราะมันจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากรากของต้นไม้ชนิดอื่น พบมากตามพื้นป่าดงดิบชื้นและบนภูเขาสูงทั่วทุกภาค นอกจากนี้ ตามพื้นดินที่ชุ่มชื้นก็ยังพบดอกไม้ในตระกูลเทียนและเปราะหอมพอเป็นสีสันหวาน ๆ ให้ผืนป่าอยู่บ้าง
เพียงอึดใจเดียวเราก็มาถึงดอยผาก้าน เบื้องหน้าปรากฏภาพเขียนสีโบราณวาดด้วยสีแดง ซึ่งสันนิษฐานว่าทำมาจากแร่สีและดินเทศ ประกอบไปด้วยภาพมือ 23 ภาพ ภาพสัตว์ ได้แก่ ช้างและหมี ภาพคล้ายคน 1 ภาพ ภาพสัญลักษณ์ 4 ภาพ และภาพต้นไม้ 1 ภาพ ในจำนวนนี้ ดูเหมือนว่าภาพมือและภาพช้างจะเห็นชัดที่สุด ส่วนบริเวณที่ค้นพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณที่อยู่ใกล้ ๆ กัน บัดนี้มีเพียงแอ่งดินว่างเปล่าเอาไว้ให้จินตนาการถึงโครงกระดูก 1 โครง เจ้าของร่างเป็นชายสูง 171 เซนติเมตร ถูกพบในสภาพนอนงอเข่าชิดอก เมื่อปี พ.ศ. 2540 โดยนายชาญ เปียงสืบ
ไกด์พาเดินเลาะหน้าผาหินปูนไปเรื่อย ๆ ทางเดินร่มครึ้มด้วยแมกไม้ เมื่อแหงนมองบนหน้าผาจะเห็นต้นจันทน์ผาขึ้นอยู่มากมาย เราผ่านบริเวณผาเงิบ ลักษณะเป็นเพิงถ้ำเล็ก ๆ แล้วเมื่อออกเดินอีกไม่นานก็ถึงศาลานั่งพัก ใกล้กันมีบ่อน้ำทิพย์จำยาแก้ ลักษณะเป็นตาน้ำที่ไม่เคยเหือดแห้ง ลึกราว 3-4 เมตร เล่ากันว่า เคยมีคนเห็นสัตว์ปาที่เจ็บป่วยมากินน้ำในบ่อแห่งนี้แล้วกลับหายเป็นปกติ หลายคนจึงเชื่อว่านี่คือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
บริเวณศาลานั่งพักเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินไปยังถ้ำจำยาแก้และถ้ำปล่องลม ถ้ำจำยาแก้มี 3 ชั้น ได้บรรยากาศของการผจญภัยเล็ก ๆ โดยมีทางไปยังชั้นที่สองและชั้นที่สามได้อย่างสะดวก แต่ชั้นล่างสุดต้องปีนบันไดไม้ไผ่ลงไปจากชั้นที่สอง ผ่านชะง่อนผาชัน สันนิษฐานว่าชั้นล่างนั้น เป็นที่หยุดพักของคนสมัยโบราณ ส่วนใครที่เลือกไปถ้ำปล่องลมคงได้ผจญภัยอย่างตื่นเต้น เพราะต้องปีนบันไดไม้ไผ่ลงไปเท่ากับความสูงของตึก 3 ชั้น ท่ามกลางความสูงชันและมืดมิด เมื่อลงไปถึงด้านล่างจึงจะพบโถงถ้ำที่มีผลึกแคลไซต์ส่องประกายระยิบระยับ


บ่ายคล้อยแล้วเมื่อเราเดินกลับมายังจุดจอดรถ ถ้าไม่หยุดกินข้าวกันกลางป่า เส้นทางนี้จะใช้เวลาเดินเที่ยวประมาณ 2-3 ชั่วโมง เป็นเส้นทางสั้น ๆ ที่ได้ใจความทั้งด้านประวัติศาสตร์ ธรณีวิทยา โบราณคดี และพฤกษศาสตร์ เชื่อหรือไม่ว่า เส้นทางนี้สำหรับเด็กอนุบาลแล้ว พวกเขาสนุกสนานกันมาก เราได้แต่หวังว่า การเดินป่าในวันนั้น จะเป็นบทเริ่มต้นให้พวกเขารักการเรียนรู้ในโลกกว้างอย่างไม่สิ้นสุด
หมายเหตุ : ยาทากันยุงและน้ำดื่มคือสิ่งจำเป็นมาก
สถานีท่องเที่ยวบ้านท่าสี โทรศัพท์ 09-6631-7982, 08-1028-8301
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1053 วันที่ 6 - 12 พฤศจิกายน 2558)