วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559

เฮียปอเปิดใจดูแลบ้านดีที่สุดศิษย์ระลึกหลวงพ่อ


ศิษย์ก้นกุฏิรำลึกหลวงพ่อเกษม เขมโก ครบรอบมรณภาพ 20 ปี  “เฮียปอ ประตูน้ำ” ยืนยันจะดูแลบ้านหลวงพ่อให้ดีที่สุด  ด้านอดีตผู้ใหญ่บ้าน “บุญสาย ” เผยชีวิตดีขึ้นได้เพราะหลวงพ่อ จดจำคำสอนและระลึกท่านไว้ในใจเสมอ

วันที่ 15 ม.ค.ของทุกปี ตรงกับวันมรณภาพของหลวงพ่อเกษม เขมโก ซึ่งหลวงพ่อได้มรณภาพเมื่อวันที่ 15 ม.ค.39   และในปีนี้ได้ครบรอบ 20 ปี ที่หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้ละสังขารไปอย่างสงบ คงเหลือไว้เพียงสรีระร่างที่สมบูรณ์แบบ ไม่เน่าเปื่อย ให้ลูกหลานชาว จ.ลำปางและประชาชนจากทั่วทุกสารทิศ ได้เข้ามากราบไหว้  โดยมีนายไพรจิตร ธรรมโรจน์พินิจ หรือ ปอ ประตูน้ำ เข้ามาดูแลสุสานไตรลักษณ์ต่อจากนายประเวทย์ ณ ลำปาง ทายาทที่ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 53

นายไพรจิตร  ธรรมโรจน์พินิจ เปิดเผยกับลานนาโพสต์ว่า  การดูแลสุสานไตรลักษณ์  ได้เริ่มเข้ามาตั้งแต่ปี 53  ในตอนแรกไม่มีรั้วอะไรเลย จึงไม่รู้ขอบเขตว่าพื้นที่ของสุสานไตรลักษณ์มีเท่าไร จึงให้ที่ดินมารังวัดที่ดิน และเริ่มทำรั้ว แต่ก็มีปัญหาเกี่ยวกับความเชื่อของชาวบ้าน ซึ่งต้องทำความเข้าใจให้ได้ กว่าจะได้ทำรั้วต้องใช้เวลานาน  โดยได้ซื้อที่ดินเพิ่มด้านหลังไปอีก  จากนั้นก็ได้มาดูเรื่องห้องน้ำ เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทุกคนต้องใช้ห้องน้ำ  สมัยก่อนห้องน้ำสกปรกมาก น้ำก็ไม่มีเพราะใช้น้ำบาดาล  จึงได้นำน้ำประปาเข้ามา และจ้างคนเข้ามาก่อสร้างห้องน้ำ  โดยให้โอกาสคนที่รู้จักกันมาทำ ตอนนั้นใช้งบไปกว่า 2 ล้านบาท  ตอนออกแบบออกมาดูดีมาก แต่พอทำออกมาแล้วแตกต่างกันลิบลับ พื้นไม่เสมอกัน  รอยต่อกระเบื้องก็เป็นสันนูนขึ้นมาทำให้เดินสะดุด   เมื่อไปสอบถามก็บอกว่าช่างทำงานไม่เก่ง  แต่ตรวจสอบจริงๆแล้วก็พบว่ามีการนำวัสดุเกรดซี มาแทนที่จะเป็นวัสดุเกรดเอ  และหลายๆจุดไม่มีมาตรฐาน ถังแซทส์ด้านล่างก็ใบเล็กและแตก  ห้องน้ำแคบ เป็นต้น  จึงขอให้รื้อแล้วทำใหม่ แต่เขาก็ไม่รื้อ  เลยจำเป็นที่จะต้องทุบทิ้งทั้งหมด แล้วก่อสร้างใหม่  แต่ก็มีคนที่ไม่รู้เหตุผลจริงๆ เอาไปลงข่าวว่าเฮียปอสร้างห้องน้ำไม่ถูกใจ ราคาตั้ง ล้านเลยทุบทิ้ง   แต่ความจริงแล้วไม่ใช่

หลังจากสร้างห้องน้ำใหม่ ออกแบบให้ทำความสะอาดได้ง่าย และให้มีความกว้าง สะดวกสบาย  เพราะคำนึงถึงคนที่จะเข้ามาใช้ห้องน้ำในช่วงเทศกาลจะได้เพียงพอต่อประชาชน ในวันเปิดใช้ห้องน้ำ ก็เป็นวันเกิดหลวงพ่อ 28 พ.ย.55  ทุกคนที่เข้ามาใช้ห้องน้ำต่างพูดชมว่าดีมาก สวย สะอาด สะดวกสบาย   ปี 58  จึงได้รับรางวัลส้วมสะอาด ได้มาตรฐาน ประเภทวัด/ศาสนาสถาน  จากจังหวัดไปรับรางวัลวันที่ 29 ธ.ค. 58 ที่ผ่านมา

นายไพรจิตร กล่าวต่อไปว่า  นอกจากนั้นได้สร้างศาลาไตรลักษณ์ เมื่อปี 57  เพื่อให้มีสถานที่รองรับพระสงฆ์ จำนวนมากได้ เนื่องจากเวลามีการจัดงานต่างๆ ต้องนิมนต์พระสงฆ์มาร้อยกว่ารูป แต่ต้องมากางเต็นท์ให้พระอยู่ด้านนอก ทั้งอากาศร้อนและเบียดเสียดกัน จึงได้สร้างอาคารขึ้น ด้านบนจะใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม โดยได้อัญเชิญหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อมาประดิษฐานไว้ พร้อมกับสั่งทำหุ่นขี้ผึ้งคุณพ่อและคุณแม่ของหลวงพ่อมาไว้คู่กันด้วย ส่วนด้านล่างจะเป็นสถานที่รับรองพระสงฆ์    และยังมีศาลาเวฬุวันเดินชื่อศาลาสังฆเวฬุวัน  ใช้เป็นสถานที่บูชาพระเครื่อง ได้นำพระของตนเองที่สร้างไว้ตั้งแต่หลวงพ่อเกษมยังมีชีวิตอยู่ เป็นพระที่หลวงพ่อปลุกเสกเอง มาให้ประชาชนได้บูชา   ต่อไปในปี 59 นี้ก็จะมีโครงการที่จะก่อสร้างวิหารพระพุทธทางด้านหลัง  ซึ่งกำลังออกแบบอยู่ 

เมื่อสอบถามเหตุที่นายไพรจิตร นับถือศรัทธาหลวงพ่อเกษม เขมโก นายไพรจิตร กล่าวว่า  สมัยก่อนตนเคยต้องคดี และย้ายจาก จ.พิษณุโลกมาอยู่ จ.ลำปาง  มีคนแนะนำให้มากราบหลวงพ่อเกษมจึงนั่งรถไฟมา ตอนนั้นอายุได้ประมาณ 30 กว่าปี ยังไม่มีเงินเลย พอเข้ามาถึงก็ไม่ทราบว่าจะต้องรอเวลา เลยเดินเข้าไปในกุฏิเลย ท่านก็ชี้และถามว่าเป็นใคร เข้ามาทำไม ยังไม่ได้อนุญาตให้เข้ามา อ่านหนังสือไม่เป็นหรือ   ตนเองเป็นคนอารมณ์ร้อนพอเจอแบบนั้นก็เตรียมที่จะลุกขึ้นต่อว่ากลับ หลวงพ่อจึงบอกให้นั่งลงและพนมมือขึ้น บอกให้พูดวันทา เป็นคำไหว้หลวงพ่อ ตามที่หลวงพ่อบอก  จากนั้นก็กลับไปทำมาหากิน ตั้งแต่นั้นมาชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนเก็บเงินเก็บทองได้  เชื่อว่าเป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อเกษม ทุกปีจะต้องมากราบไหว้หลวงพ่อตลอดไม่เคยขาด  หากมีธุระอะไรที่ตรงกับงานของหลวงพ่อก็จะยกเลิกทั้งหมด และเดินทางมา จ.ลำปางเพื่อมากราบหลวงพ่อให้ได้   ครอบครัวก็ร่มเย็นมาตลอดจึงได้นับถือท่านมาจนถึงทุกวันนี้  

เฮียปอ ประตูน้ำ กล่าวว่า  การที่นายประเวทย์ ณ ลำปาง มอบให้ตนมาดูแลตรงนี้ เพราะเห็นว่าเป็นคนทำจริง รักและนับถือหลวงพ่อจริง จึงไว้ใจให้มาดูแล  การเข้ามาตอนแรกก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ  โดนด่าลับหลังบ้างแต่เราไม่ได้สนใจที่จะมาฟังเรื่องพวกนี้  ไม่อย่างนั้นก็จะทำงานไม่ได้หากมัวไปคิดและไปเครียด  เวลาเป็นสิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเราทำอะไร  สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะต้องรู้ว่าเราทำอะไร  เมื่อคนเชื่อมั่นก็เริ่มที่จะเข้ามาทำบุญกันมากขึ้น   

“การเข้ามาดูแลตรงนี้ ได้บอกกับคนงานทุกคนว่า ที่ตรงนี้เป็นบ้านของหลวงพ่อ  สิ่งที่ตนทำคือการมาดูแลบ้านให้หลวงพ่อ  เราไม่ได้อะไรกลับไปนอกจากบุญที่ทำติดตัวกลับไป  การคิดแบบนี้ทำให้มีความสุข ว่างก็จะมาที่นี่มาดูแลตรงนี้ และจะทำไปจนกว่าจะตายจากกันไป”  นายไพรจิตร กล่าว

เมื่อสอบถามถึงการเผาสรีระหลวงพ่อ   นายไพรจิตร กล่าวว่า  ตนไม่เห็นด้วยเลย เคยย้อนถามกลับไปว่าทำไมถึงต้องการให้เผาหลวงพ่อ เขาบอกว่าเก็บร่างหลวงพ่อไว้เพื่อคนกลุ่มหนึ่งหาเงินเข้ากระเป๋า  บางคนก็อยากทำบุญ แต่ตนคิดว่าอยากจะรักษาท่านไว้ให้ชั่วลูกชั่วหลาน  และสอนให้คนรุ่นลูกหลานต่อๆไปมากราบท่าน เพื่อให้เห็นว่าร่างของท่านจริงๆยังอยู่ตรงนี้  แน่นอนว่าทุกบ้านมีรูปหลวงพ่อ มีเหรียญหลวงพ่อ  อาจจะคิดกันว่าถ้าไม่มีหลวงพ่อแล้วจะมาที่สุสานไตรลักษณ์อีกทำไม ที่นี่ก็จะกลายเป็นป่ารกร้างไม่มีใครไปอีกแล้ว  ชาวบ้านแถวนี้ก็ไม่ได้ทำมาหากิน  ชาวลำปางทุกคนได้ประโยชน์จากหลวงพ่อหมด  จึงอยากจะรักษาสังขารท่านไว้ให้คนรุ่นหลังได้นับถืออริยสงฆ์รุ่นเก่าไปจนร้อยปีพันปี

ขณะที่นายบุญสาย สุรินทร์  อดีตผู้ใหญ่บ้านวังหม้อ  มือขวาของนายประเวทย์ ณ ลำปาง  และเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดกับหลวงพ่อเกษมอีกคนหนึ่ง   ได้เล่าถึงความตื้นตันใจสมัยที่ยังรับใช้หลวงพ่อให้ฟังว่า  ตนได้เข้าไปรับใช้หลวงพ่อตั้งแต่ปี 2520  ในตอนนั้นอายุประมาณ 40 ปี  เป็นคนขับรถเบนซ์ให้กับหลวงพ่อเกษม เวลาท่านจะเดินทางไปไหน  จึงทราบถึงอริยบทต่างๆของท่าน    ตื่นเช้ามาหลวงพ่อจะต้องขอขมาดิน น้ำ ลม ไฟ  ก่อนจะล้างหน้าล้างตา  แผ่เมตตาให้ในหลวง พระราชินี และประชาชนทั่วประเทศ   จากนั้นหลวงพ่อจะจัดอาหารไว้รับประทาน  อาหารของท่านจะเป็น อาหารบูด  หากมีญาติโยมนำอาหารมาถวาย หลวงพ่อจะนำมาตั้งไฟอุ่น และเอาให้ไปเก็บไว้  แต่จะเอาอาหารที่เก็บไว้วันก่อนๆมาฉันแทน ท่านจะนำอาหารของคาว ของหวาน ทุกอย่างมาเทรวมกันใส่ในบาตร  บีบมะนาว ใส่น้ำปลา  และแยกไว้เป็นกองๆให้เจ้าที่  ให้นก ให้ปลา ให้หนู   จากนั้นหลวงพ่อถึงจะฉัน  วันหนึ่งท่านฉันไม่มาก บางครั้งก็ 5 คำ  9 คำ  ท่านจะฉันวันละ 1 มื้อ เวลาใดก็ได้ไม่ผิดศีล  หากวันไหนท่านนั่งภาวนาไม่ได้ฉันอาหาร ท่านจะฉันน้ำตาลผสมกับน้ำมะนาว และนั่งภาวนาต่อ  ท่านปฏิบัติอย่างเคร่งครัด 227 ข้อไม่มีขาด เพราะท่านเป็นพุทธแท้

“เคยถามหลวงพ่อว่าทำไมถึงฉันอาหารบูด  หลวงพ่อตอบว่า  กินเพื่ออยู่  การฉันอาหารบูด ไม่มีรสชาติ ไม่มีฮอร์โมน ไม่มีโปรตีน ไม่ทำให้เกิดกิเลส  ไม่เหมือนคนทั่วไปที่อยู่เพื่อกิน   ซึ่งอาหารที่ท่านทานเข้าไปก็ไม่ได้มีผลต่อสุขภาพของท่าน  เหมือนกับท่านใช้บุญบารมีถึงทำได้  ผมเคยกินอาหารของหลวงพ่อ แต่กินได้แค่คำเดียวเท่านั้น มีทั้งเปรี้ยวมาก เค็มมาก  เผ็ดมาก”  นายบุญสาย กล่าว  

นายบุญสาย  ยังได้เล่าเรื่องปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองเกี่ยวกับหลวงพ่อเกษมด้วยว่า    ตนเคยเจอมาหลายเรื่อง ที่ตั้งตัวได้ทุกวันนี้ก็เชื่อว่าเพราะหลวงพ่อเกษม เขมโก  เมื่อก่อนเคยทำงานได้เงินเดือนแค่ 600 บาท  อยากจะซื้อบ้านเป็นของตัวเอง  บังเอิญมีคนมาบอกว่ามีบ้านหลังหนึ่งติดจำนองไว้ 65,000 บาท ถ้าใครไปไถ่ได้จะแบ่งที่ให้ครึ่งหนึ่ง  ซึ่งตอนนั้นไม่มีเงินเลย ไปขอกู้มาได้เงินมา 15,000 บาท   พอก่อนหวยออก 2 วัน ตนได้ไปเยี่ยมหลวงพ่ออาพาธอยู่โรงพยาบาล  เจ้าประเวศน์เรียกให้ไปขับรถให้หลวงพ่อ วันที่จะออกจากโรงพยาบาล จึงถามไปว่าจะออกกี่โมงจะได้มารับท่านตรงเวลา หลวงพ่อตอบมาว่า 6 โมง 2 นาที  แล้วท่านก็ยิ้ม   ตอนขับรถกลับหลวงพ่อก็บอกว่าไปเกียร์สองนะ เลยนำเลขมาซื้อหวย และถูกรางวัลมีเงินไปไถ่บ้านได้ เขาจึงแบ่งที่ให้ครึ่งหนึ่ง   หลวงพ่อไม่เคยให้หวย เคยมีคนมาขอแต่ท่านไม่ให้บอกว่าเดี๋ยวตำรวจจับ  ส่วนใหญ่คนมักจะไปตีเป็นเลขเอาเอง พอถูกคนก็ไปคิดกันว่าหลวงพ่อให้หวย แต่จริงๆแล้วไม่ใช่  อยู่ที่บุญของคนนั้นมากกว่า

จากนั้นเรื่อยมาก็ดวงดีมาตลอด  เคยทำโรงงานน้ำปลาตราหน่อไม้  ทำน้ำดื่มสายทิพย์  ตั้งตัวขึ้นมาได้เป็นล่ำเป็นสัน  ขออนุญาตหลวงพ่อสร้างเหรียญ จนเก็บหอมรอมริบมาได้ล้านกว่าบาท จึงนำเงินมาปลูกบ้าน  เชื่อว่าบารมีหลวงพ่อเกษมช่วยเหลือมาตลอด  เวลาตนจะเดินทางไปไหนจะให้หลวงพ่อเป่าหัวให้ก่อนทุกครั้ง แต่จะต้องขอท่านก่อน   จะเข้าไปพบท่านในกุฏิ และต้องนั่งรอ ถ้าถึงฤกษ์ยาม หลวงพ่อก็จะตื่นมาเป่าหัวให้และบอกว่าไปได้   ตนเชื่อว่าเหตุที่มีคนนับถือหลวงพ่อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคนใหญ่คนโต มียศถาบรรดาศักดิ์มากมายมากราบไหว้หลวงพ่อ   เป็นเพราะหลวงพ่อท่านเป็นอริยสงฆ์ที่ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด  ท่านไม่เคยเรียกร้องอะไรจากใครเลย  เวลามีคนมาถวายเงินท่าน ท่านก็ไม่เอา ท่านจะเอาไปแจกทหาร ตำรวจหมด   บางส่วนท่านจะให้ญาติ ท่านไม่เคยเก็บไว้เอง   ต่างจากพระสงฆ์รูปอื่นๆที่มีการขอผ้าป่าบ้าง ขอกฐินเข้าวัดบ้าง


“ทุกวันนี้ เพราะหลวงพ่ออยู่ในใจของผม  ทำอะไรทุกอย่างก็จะนึกถึงท่าน  และอุทิศส่วนกุศลให้กับหลวงพ่อเกษม   ครูบาอาจารย์ เจ้าที่เจ้าทาง เจ้ากรรมนายเวร” นายบุญสาย สุรินทร์ กล่าว   

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1062 วันที่ 15 - 21 มกราคม 2559)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์