รถรุ่นใหม่ ไม่แข็ง” จริงหรือ ? (ตอนจบ)

จำนวนผู้เข้าชม 

การทดสอบจาก EURONCAP ยืนยันได้

           

EURONCAP หรือ EUROPEAN NEW CAR ASSESSMENT PROGRAMME เป็นองค์กรอิสระระดับนานาชาติ ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาโดยสมาชิก ซึ่งมาจากการรวมตัวกันของสมาคมยานยนต์ในยุโรป รวมถึงหน่วยงานอย่างสมาพันธ์รถยนต์นานาชาติ หรือ FIA (FEDERATION INTERNATIONALE DE L'AUTOMOBILE) และ ADAC (ALLGEMEINER DEUTSCHER AUTOMOBIL-CLUB)

           

เดิมที EURONCAP เป็นโครงการที่คิดค้นขึ้นมาโดยหน่วยวิจัยระบบขนส่งในสังกัดกระทรวงคมนาคมอังกฤษ เพื่อทำหน้าที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภค ในการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย จากโครงการนี้เองบรรดาประเทศต่างๆ ที่เริ่มเห็นชอบกับแนวคิดนี้ จึงขอเข้ามาเป็นสมาชิก และพัฒนาจนกลายมาเป็น EURONCAP ในที่สุด

           

ที่เราบอกว่า EURONCAP ยืนยันได้ เพราะหน้าที่ขององค์กรนี้ คือ การกระตุ้นให้ผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรป หรือผู้ผลิตจากต่างแดน ที่เข้ามาทำตลาดในยุโรปได้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ด้วยการจัดการทดสอบชนรถยนต์ใหม่ ที่เริ่มทำตลาด และนำข้อมูลเหล่านี้เผยแพร่สู่สาธารณชนอย่างเป็นกลาง เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการซื้อ ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลหลังการทดสอบการชนของรถยนต์ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ที่จำหน่ายในยุโรปไว้ทั้งหมด

           

ใครสนใจ สามารถเข้าไปชมได้ที่เว็บไซต์www.euroncap.com ซึ่งสามารถชมภาพนิ่งขณะทดสอบชนได้ถึง 5 มุมมอง และภาพเคลื่อนไหวตลอดการทดสอบ ที่สำคัญยังสามารถนำข้อมูลรถรุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกันมาดูเปรียบเทียบกันได้ซึ่งจะเห็นว่าปลอดภัยขึ้นแค่ไหน

ยิ่งใหม่ยิ่งปลอดภัยต่างหาก

           

สำหรับการทดสอบชนของ EURONCAP แบ่งออกเป็นการทดสอบชนด้านหน้าแบบครึ่งหน้า (OFFSET) กับสิ่งกีดขวางแบบยุบตัวได้ ที่ความเร็ว 64 กม./ชม. โดยเป็นการจำลองมาจากการชนด้านหน้าของรถยนต์ 2 คันบนถนนจริง เทียบเท่าระดับความเร็ว 55 กม./ชม. ซึ่งเป็นระดับที่สร้างความเสียหายในระดับที่รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

           

เหตุที่ชนแบบครึ่งหน้า เพราะมีการวิจัยมาแล้วว่า ในเหตุการณ์จริงผู้ขับขี่มักพยายามหักหลบ การชนแบบเต็มหน้าที่เคยทดสอบกันจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยกว่า และการชนแบบครึ่งหน้าทำให้โครงสร้างของรถบิดตัว ซึ่งมีความเสียหายมากกว่าเยอะ และเหตุที่ทดสอบเทียบเท่าความเร็ว 55 กม./ชม. เพราะมีการวิจัยว่าเป็นความเร็วที่ใกล้เคียงการชนจริงมากที่สุด เช่น ถ้าขับปกติด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. ในเหตุการณ์จริง ผู้ขับมักห้ามล้อให้ความเร็วลดลงก่อนที่จะชน อย่างไรก็ตาม ถ้าใช้ความเร็วมากกว่านี้ ต่อให้โครงสร้างแข็งแรงแค่ไหน ก็รับไม่ไหวอยู่ดี

           

การชนด้านข้าง (จำลองรถพุ่งชนด้านข้าง) ใช้ความเร็วเทียบเท่า 50 กม./ชม. และ 29 กม./ชม. ส่วนการชนทางด้านข้างกับเสา (จำลองท้ายกวาดไปฟาดกับเสา) ขณะที่การทดสอบชนที่ขาของหุ่นคนเดินถนนเพื่อหาระดับการทำให้คนเดินถนนบาดเจ็บใช้ความเร็ว 40 กม./ชม. ด้วยเหตุผลจากการวิจัยให้ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุดเช่นกัน

           

ผลการทดสอบ EURONCAP สื่อสารกับคนทั่วไปง่ายๆ สรุปความปลอดภัยของรถคันนั้นๆ ด้วยการใช้ “ดาว” ถ้าได้ดาวเดียว คือ POOR/2 ดาว คือ WEEK/3 ดาว คือ MARGINAL/4 ดาว คือ ADEQUATE/5 ดาว คือ GOOD พร้อมมี คอมเมนท์ ของรถรุ่นนั้นในแต่ละหัวข้อด้วย

           

สังเกตจากข้อมูลได้เลยว่า รถยิ่งใหม่ ดาวยิ่งมาก เมื่อ 10 กว่าปีก่อน มักป้วนเปี้ยนกันแถวๆ 1-3 ดาว 4-5 ดาว แทบไม่มี แต่วันนี้ ใครแตะ 3 ดาว นั่นถือว่าความปลอดภัยใช้ไม่ได้แล้ว

           

EURONCAP ให้เหตุผลที่รถยนต์ปัจจุบันชนแล้วมีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะเทคโนโลยีการออกแบบโครงสร้างของรถยนต์แต่ละยี่ห้อพัฒนาไปมาก ช่วยซับแรงกระแทก โดยให้ระยะยุบตัวทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และกระจายแรงกระแทกได้ดีขึ้นมาก ส่วนการชนจากด้านข้าง และการพลิกคว่ำ ก็ได้โครงสร้างที่แกร่งขึ้น และใช้เทคโนโลยีการออกแบบจุดรับแรงให้ต้านทางการ ยุบตัว หรือ งอตัว ได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บมากมาย เช่น พวงมาลัย คันเบรค คันเร่งแบบยุบตัวได้ เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ หมอนหนุนศีรษะป้องกันกระดูกต้นคอบาดเจ็บ ถุงลมนิรภัยหลายจุดในห้องโดยสาร และเทคโนโลยีอื่นๆ อีกเพียบ จึงช่วยทำให้รถยุคนี้ปลอดภัยกว่ารถยุคก่อนมาก

           

ฉะนั้น หากถามว่า รถรุ่นใหม่ “ไม่แข็ง” จริงหรือ ?

           

ตอบได้เลยว่า ถ้านิยามความแข็งเป็นความหมายเดียวกับความปลอดภัย รับประกันได้ว่า รถรุ่นใหม่ “แข็ง” กว่าแน่นอนครับ

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1073 วันที่ 1 - 7 เมษายน 2559)