
สายป่านที่ยาวไกลของครอบครัวพ่อค้าชาวจีนในลำปางตระกูล
‘สัชฌะไชย’ ที่รู้จักกันกว้างขวางในวงค้าขายในลำปางมานานกว่า
30 ปี เติบโตในธุรกิจค้าครั่งมาจนถึงอุตสาหกรรมเชลแลค(Shellac)ผงาดขึ้นเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับต้นๆของประเทศไทยใต้ปีกของ
ชัยศรี-พ.ญ.อภิญญาสัชฌะไชยซึ่งถือเป็นเถ้าแก่รุ่นที่สองที่บุกเบิกการค้าเข้าสู่การเป็นโรงงานอุตสาหกรรม
บ่มเพาะความแข็งแกร่งพร้อมส่งต่อทายาทรุ่นที่ 3
สยายปีกเป็นธุรกิจอุตสาหกรรมเชื่อมโยงอย่างเป็นแบบแผน


“ยุคแรกสมัยพ่อแม่ผมค้าขายครั่งดิบชั่งกิโลให้พ่อค้าคนกลางในประเทศไทยใช้ครั่งไปใช้เป็นวัตถุดิบเคลือบในอุตสาหกรรมไม้
ในต่างประเทศก็นำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆการค้าขายส่วนใหญ่ผ่านพ่อค้าคนกลางชาวอินเดีย
แต่ทำได้ระยะหนึ่งเราก็พอจะรู้วงจรว่าตลาดอยู่ที่ไหน ใครเป็นผู้ซื้อทั้งในและส่งออกไปต่างประเทศ
เราก็พัฒนาตัวเองให้ก้าวไปถึงผู้ซื้อด้วยตัวเอง ตัดวงจรคนกลางออก
ด้วยการใช้ช่องทางการสื่อสารที่พัฒนาในช่วง 10 ปี ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์และโซเชียลมีเดียทั้งหลายอีกทั้งเราไปพบลูกค้าที่ต่างประเทศด้วยตัวเอง
ทำให้เราได้ลูกค้าที่เป็นผู้ซื้อตรงไม่ผ่านคนกลางเป็นหนทางของความยั่งยืนที่มีตลาดรองรับที่แน่นอน
ยุคผมก็เริ่มแปรรูปเป็นครั่งเม็ดและเชลแลคใช้ในอุตสาหกรรมไม้และเฟอร์นิเจอร์ แต่พอมายุคนี้
ในตลาดโลกเขาค้าขายครั่งสำเร็จรูปเป็นเกล็ด และเป็นผง เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร
เครื่องสำอาง น้ำหอมต่าง สิ่งที่เราต้องทำคือตามตลาดและเทคโนโลยีให้ทัน
พัฒนาตัวเองให้สามารถถือส่วนแบ่งตลาดนั้นให้เร็ว”
นั่นคือที่มาของการสยายปีกโรงงานอุตสาหกรรมครั่ง
ของนอร์ทเทอร์นสยามซีดแลค สู่‘อภิชัย สัชฌะไชย’ทายาทรุ่นที่
3ที่ต่อยอดธุรกิจโดยขยายพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมแชลแลคชนิดเกล็ด
เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบเคลือบในอุตสาหกรรมอาหาร และยา
“การใช้ช่องทางการสื่อสารเป็นเครื่องมือการตลาดเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาไปสู่การค้าระหว่างประเทศกับผู้ซื้อโดยตรง
นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการตามเทรนด์ของตลาดโลก ซึ่งขณะนี้หันมาใช้ครั่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นเป็นสารเคลือบอาหารและยา
มีงานวิจัยหลายประเทศใช้ครั่งในกระบวนการผลิตน้ำหอม เป็นต้น เมื่อเรามองเห็นเทรนด์ของตลาดโลก
ก็หันกลับมาพัฒนาตัวเองโดยใช้เทคโนโลยีและองค์ความรู้จากงานวิจัยซึ่งนักวิจัยไทยก็สามารถพัฒนาเครื่องจักรแบบที่มีคุณภาพไม่ต่างจากของญี่ปุ่น
เยอรมันโดยที่ต้นทุนไม่สูงทำให้โรงงานมีกำลังที่จะทำได้ เราจึงตัดสินใจลงทุนขยายโรงงานผลิตเชลแลคชนิดเกล็ด
เพื่อรองรับตลาดในอนาคต”อภิชัยเผยถึงแผนขยายธุรกิจในฐานะผู้สืบทอดรุ่นที่
3
การขยายธุรกิจภาคผลิตเชลแลคชนิดเกล็ดเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นของแผนการขยายธุรกิจในยุคการเปลี่ยนถ่ายการบริหาร
โดยภารกิจภายใต้อุตสาหกรรมครั่ง ยังมีแผนงานธุรกิจเชื่อมโยง ไปพร้อมกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการนำน้ำทิ้งจากโรงงานครั่งทั้งหมด
ใช้ในปลูกหญ้าเนเปียด้านหลังโรงงานพื้นที่ประมาณ 15 ไร่ และที่ไร่ตำบลห้วยหลอ
อำเภอแม่ทะ อีกร่วม 50 ไร่ และนำหญ้าเนเปียไปเลี้ยงวัวในฟาร์มวัวเนื้อขุน ที่ขณะนี้มีอยู่ประมาณ
80 ตัว เพื่อสร้างสายพันธุ์วัวเนื้อขุนคุณภาพสูง รองรับแผนธุรกิจใหม่ที่เนื้อโคขุนกำลังมีความต้องการสูงในอนาคต
แม้ในระบบธุรกิจในตระกูล
สัชฌะไชย จะมีรากฐานจากอุตสาหกรรมแต่ก็ยังมี ธุรกิจเล็กๆในสายทายาทอีก 2 ส่วนคือโรงงานสีข้าวโพด
ใน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง นับเป็นโรงงานข้าวโพดแห่งแรกๆของลำปาง ขณะนี้กำลังก่อตั้งธุรกิจฟิสเนส และ ฟู่หลงซาลาเปา
ใกล้สี่แยก อสมท.ลำปาง ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว โดยมี คุณแม่ พ.ญ.อภิญญา สัชฌะไชยเป็นผู้มีบทบาทสำคัญเสมือนศูนย์กลางเชื่อมโยงทุกส่วนของธุรกิจครอบครัวให้เติบโตอย่างรอบคอบและมั่นคง
ชัยศรี
สัชฌะไชยกล่าวว่าธุรกิจในตระกูล
สัชฌะไชย สั่งสมประสบการณ์และผ่องถ่ายการบริหารมาแบบธุรกิจ "กงสี" แต่มีรูปแบบการส่งต่อแนวคิดการบริหารงานในครอบครัวกันอย่างเป็นระบบ
โดยทุกคนในครอบครัวจะบริหารงานในธุรกิจที่มีตำแหน่งหน้าที่ และผลตอบแทนในรูปแบบบริษัท
มีการประชุมหารือเฉพาะผู้บริหารในระบบธุรกิจลักษณะของการกึ่งพบปะหารือกันในครอบครัวสัปดาห์ละครั้งเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลความคืบหน้าการบริหารงานแต่ละส่วนเพื่อเชื่อมโยงเกื้อหนุนรวมถึงแก้ปัญหาในทิศทางเดียวกัน
“กงสีเป็นเหมือนดาบสองคมที่ต้องระวัง
เพราะมีกงสีมากมายที่เจ๊งเพราะบริหารไม่เป็นระบบ คนในครอบครัวร่วมทำธุรกิจด้วยกัน
มักมีปัญหาการไม่ลงรอย หรือการทำงานที่ขาดวินัยทางธุรกิจ
ดังนั้นต้องแยกแยะเรื่องของครอบครัว เรื่องส่วนตัวออกจากระบบริหารงาน”

เส้นทางของโรงงานครั่งเล็กๆในลำปางสู่หนทางผู้ส่งออกระดับประเทศ
มูลค่าการส่งออกหลักร้อยล้านไม่ได้มาง่ายๆเพียงแค่ซื้อมาขายไป
หากแต่การให้ความสำคัญในการต่อยอดธุรกิจ มองหาโอกาสและกล้าลงทุนภายใต้การบริหารแบบกงสี
‘ตระกูลสัชฌะชัย’ นับได้ว่าเป็นหนึ่งในท้องถิ่นลำปางผงาดอยู่ท่ามกลางสนามการค้าระดับโลกที่น่าจับตา
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1084 วันที่ 24 - 30 มิถุนายน 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น