รัตนทัวร์ร่วมบิ๊กโปรเจค บุกตลาดทัวร์ไทย-ลาว-จีน

จำนวนผู้เข้าชม

นคราชนคร บิ๊กโปรเจคเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ ปี2552 มูลค่าโครงการหลักหมื่นล้านบาท บนพื้นที่ 1,200 ไร่ โดยกลุ่มทุนจากตระกูล สิงห์สมบุญ ซึ่งมีธุรกิจธนาคารร่วมพัฒนาไทยลาว เป็นฐานเดิม ร่วมกับนักลงทุนกาหลี ในนามบริษัทเอเอซี กรีนซิตี้ ลาว และถือว่าเป็นกลุ่มทุนไทยรายแรกที่ได้รับคัดเลือกจากรัฐบาล สปป.ลาว ให้สัมปทานที่ดินระยะยาว 90 ปี มีทั้งโรงแรม ศูนย์รวมร้านค้าปลอดภาษี (Duty free) ทั้งในฝั่งไทยและฝั่งลาว ตามแผนโครงการ พื้นที่ในฝั่งลาวจะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ธุรกิจการค้าชายแดนขนาดใหญ่ มีศูนย์กระจายสินค้า สถานีขนส่งทางรถและเรือ โกดัง ห้องเย็น ปั๊มน้ำมัน ศูนย์การค้า แหล่งท่องเที่ยว และสถานบันเทิงครบวงจร แม้ก่อนหน้านี้โครงการก่อสร้างบางส่วนชะลอเพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับสะพานและเส้นทางของถนน R3A แต่ขณะนี้อาคารและด้านสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน แล้วเสร็จแล้วกว่า 60 % เริ่มเปิดบริการในส่วนโรงแรมที่พัก และศูนย์รวมร้านค้าปลอดภาษีแล้ว

           

รัศณาวลี อภิรักษ์ภูวจร ผู้บริหารธุรกิจนำเที่ยว รัตนทัวร์ จังหวัดลำปาง เผยว่า หลังจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่4ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขง เชื่อมต่อระหว่างประเทศไทย-ลาว-จีน ที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายกับ เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้วสาธารณะรัฐประชาชนลาว(สปป.ลาว)ที่ ระยะทาง2.48กิโลเมตร สู่เส้นทางR3A ซึ่งขณะนี้ เริ่มมีนักท่องเที่ยวจีนใช้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวโดยรถยนต์เข้ามายังประเทศไทยมากขึ้น

           

เมื่อเห็นโอกาสรัตนทัวร์ได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางธุรกิจบริการท่องเที่ยวระหว่าง ไทย-ลาว-จีนรวมถึงทำการค้าการพาณิชย์ ของฝากของที่ระลึก รวมถึงร้านเครื่องประดับเพชร ร่วมกับโครงการนคราชนคร ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ไทย-ลาว-จีน จึงเชื่อว่าช่องทางขยายตัวทางธุรกิจบริการท่องเที่ยวและการค้าขายที่มีโอกาสสูง เพราะเป็นที่รู้กันว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนหลั่งไหลเข้ามาในไทยผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวที่เชียงของค่อนข้างมาก ในทางกลับกัน นักท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือ ก็เดินทางไปเที่ยวลาว จีนง่ายขึ้น ด้วยประสบการณ์ที่รัตนทัวร์ให้บริการท่องเที่ยว ในเขตลาว และจีนฝั่งสิบสองปันนาอยู่แล้ว เมื่อร่วมมือกันจะสร้างโอกาสทางธุรกิจของรัตนทัวร์ให้เติบโตขึ้น

           

ดร.เหมโชค สิงห์สมบุญ ทายาทธุรกิจและผู้บริหารโครงการนคราชนคร กล่าวว่า นคราชนคร ประกอบไปด้วยโรงแรม ศูนย์รวมร้านค้าปลอดภาษี (Duty free)ทั้งในฝั่งไทยและฝั่งลาว ตามแผนของโครงการ พื้นที่โครงการในฝั่งลาว จะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ธุรกิจการค้าชายแดนขนาดใหญ่ มีทั้งศูนย์กระจายสินค้า สถานีขนส่งทางรถและเรือ โกดัง ห้องเย็น ปั๊มน้ำมัน ศูนย์การค้า แหล่งท่องเที่ยว และสถานบันเทิงครบวงจร นคราชนครมีโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและศูนย์กลางการค้าสินค้าอุปโภคบริโภคระหว่างประเทศ ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย เพื่อเชื่อมโยงพันธมิตรธุรกิจ รวมถึงโอทอปและสหกรณ์ต่างๆ ในภาคเหนือ นครสวรรค์ จันทบุรี กลุ่ม มีเป้าหมายก่อตั้งศูนย์บริการท่องเที่ยว สร้างแอพลิเคชั่นส่งเสริมการท่องเที่ยว และรวบรวมเครือข่ายบริการให้บริการท่องเที่ยว ระหว่างประเทศ  อีกส่วนหนึ่งคือ เป้าหมายด้านสินค้าอุปโภคบริโภคระหว่างประเทศ โยให้รัฐสนับสนุนการจับคู่ธุรกิจ และนาคราชจะเป็นศูนย์กลางแบบเอาท์เลท (OUTLET) ให้ผู้ซื้อผู้ขายมาพบกัน มีความร่วมมือและบริการด้านการขนส่งระหว่างประเทศ

           

"หลังสะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่4เปิดจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนและลาวเข้ามาในฝั่งไทยค่อนข้างมาก ในช่วงเทศกาลมีตัวเลขการเข้าออกผ่านด่านชายแดนมากกว่า2แสนคน ขณะเดียวกันก็มีมิติของธุรกิจใหม่ๆเกิดขึ้น มีนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาทำธุรกิจการค้าแนวใหม่ๆที่น่าสนใจ เช่น มีการลงทุนทำเรือที่พักล่องไปตามลำน้ำโขงแวะพักเมืองสำคัญที่หลวงน้ำทา หลวงพระบาง ขึ้นไปถึงสิบสองปันนาของจีน ธุรกิจเกี่ยวกับการบริการขนส่งทั้งสินค้าและคนโดยสาร เพราะมีทั้งคนลาว จีน ข้ามาซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองเชียงของ และไปเที่ยว หรือใช้บริการทางการแพทย์ในตัวเมืองเชียงราย เลยไปถึงเชียงใหม่ ซึ่งโอกาสเกี่ยวกับกฎหมายไทยที่กำหนดให้ชาวต่างประเทศที่นำรถเข้ามาในฝั่งไทยต้องผ่านการอบรมเกี่ยวกับจราจร และมีขั้นตอนต่างๆ ทำให้ธุรกิจรถบริการรับส่งโดยสารมีโอกาสเพิ่มขึ้น ในส่วนของนคราชนครก็มีพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยว หรือบริษัทนำเที่ยวที่นำรถข้ามมาจากฝั่งลาว สามารถจอดในโครงการนาคราชฝั่งไทยแล้วใช้บริการรถท่องเที่ยวของบริษัทต่างๆในจังหวัดใกล้เคียงหรือทุกภาคของไทยเข้ามาเชื่อมโยง เช่นเดียวกับนักธุรกิจในลำปาง คือรัตนทัวร์ ก็เป็นรายแรกของลำปางที่เข้ามาร่วมลงทุนการค้าพาณิชย์ และกิจการทองเที่ยวร่วมกับโครงการนคราช"

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1082 วันที่ 10 - 16 มิถุนายน 2559)