ฝูงปลาไซด์ใหญ่ย้ำหนักไม่ต่ำ
3 กิโลกรัมขึ้นไป นับพันตัวน็อคน้ำ ฝายกั้นน้ำจาง บ้านน้ำโท้ง หมู่ 1 ต.นาครัว
อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ตายขึ้นอืดส่งกลิ่นไปทั่ว ขณะที่สายน้ำมีสีเขียวขุ่น
ส่งกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่า
เมื่อวันที่
7 ก.ค. 59 ทางผู้สื่อข่าวได้รับแจ้ง จากชาวบ้านในพื้นที่ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ว่า
ที่บริเวณ จุดอนุรักษ์พันธ์สัตว์น้ำ เขตอภัยทาน ท้ายฝ้ายกั้นน้ำบ้านน้ำโท้ง หมู่ 1
ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง มีปลาขนาดใหญ่ลอยตายจำนวนมาก พร้อมส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วท้องน้ำ
เมื่อไปตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าว พบว่าที่บริเวณฝายกั้นน้ำจาง หรือฝายบ้านน้ำโท้ง
มีระดับน้ำเพิ่มมากขึ้นและไหลล้นฝายอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันพบว่า
น้ำมีสีออกเขียวขุ่น มีฟอง
และบริเวณฝายมีคราบสีขาวจับตัวเป็นทางยาวทั่วฝายตรงจุดที่น้ำไหลผ่าน
นอกจากนี้เมื่อเข้าไปใกล้ตรงจุดที่น้ำไหลลงหน้าฝายนั้น น้ำยังส่งกลิ่นเหม็น คล้ายๆกลิ่นกำมะถัน
กลิ่นก๊าซไข่เน่า เหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ และมีซากปลาหลากหลายชนิดลอยตายอยู่บ้าง
ส่วนบริเวณท้ายฝายซึ่งเป็นจุดกักเก็บน้ำ สภาพมีแต่วัชพืชจอกแหนเต็มพื้นที่
มีซากปลาขนาดใหญ่ลอยตายจำนวนมาก ส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่วเช่นกัน จะเห็นเป็นสีขาวๆกระจายอยู่ไปทั่วบริเวณ
เบื้องต้นพบปลาที่ตายนั้นเป็นปลาตะเพียน ปลายี่สก
ปลาบึก ปลานวลจัน และปลาเกล็ดชนิดต่างๆ น้ำหนักแต่ละตัวไม่ต่ำกว่า 3 กิโลกรัม เพราะพื้นที่ดังกล่าว ที่ผ่านมา
เป็นจุดที่ทางวัดและชุมชนแห่งนี้ ได้แบ่งอาณาเขต
จุดติดกับวัดน้ำโท้งให้เป็นเขตอภัยทานและจุดอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ
ทำให้มีปลาขนาดใหญ่อาศัยเป็นจำนวนมาก และเมื่อเกิดปรากฏการณ์ปลาน็อคน้ำครั้งนี้
จึงทำให้ปลาขนาดใหญ่และเล็กต่างลอยหัวขึ้นผิวน้ำ
ชาวบ้านต่างแห่แหนมาจับไปขายและประกอบอาหารไปเป็นจำนวนมาก ส่วนที่เหลือที่จับไม่ได้ก็ลอยตายส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่ว
นายอำพล
สายก้อน ราษฎรบ้านน้ำโท้ง หมู่ 1 ต.นาครัว ที่มีบ้านติดกับจุดเกิดเหตุ เล่าว่า
เหตุการณ์ปลาน็อคน้ำเกิดขึ้นมาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.59 ที่ผ่านมา ในพื้นที่มีฝนตกลงมาแต่ไม่มากน้ำ
น้ำเพิ่มปริมาณขึ้นนิดหน่อย แต่ที่ผ่านมาน้ำนิ่งไม่มีการไหล
เพราะทางแม่เมาะก็ไม่ได้ปล่อยน้ำมาให้ เนื่องจากไม่มีน้ำเช่นกัน เมื่อฝนตกลงมาก็ส่งผลดีแก่เกษตรกรทำนาข้าว แต่ทว่า
ส่งผลทำให้ปลาน้อยใหญ่ลอยตัวขึ้นมาผิวน้ำและชาวบ้านต่างแห่แหนกันไปจับมาขายและปรุงเป็นอาหารจำนวนมาก
ส่วนทีเหลือที่จับไม่ได้ผ่านมา 3 วันแล้ว จนปลาได้เน่าลอยขึ้นมา ก่อนหน้านี้ก็มีปลาบึกตัวขนาดใหญ่
พยายามที่จะขึ้นมาเหนือน้ำ ตนเห็นจึงได้จับไปปล่อยไว้ในบ่อในสวนได้หลายตัว
เพื่อจะช่วยชีวิตปลาเหล่านี้ เพราะเห็นแล้วก็เกิดความสงสาร
และบางส่วนก็จะขอซื้อปลาที่ชาวบ้านจับได้ที่ยังไม่ตาย
เอาไปปล่อยเลี้ยงไว้ในบ่อด้วย ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่ปลาที่ได้อนุรักษ์คาดว่าน่าจะตายเกือบทั้งหมด
และเกรงว่าน้ำเสียเหล่านี้จะส่งผลกระทบไปยังท้ายน้ำต่อไปเรื่อยๆ
ด้านนายธวัช
แก้วเกิด นายกเทศมนตรีตำบลนาครัว กล่าวว่า
ปัญหาการที่ปลาน็อคน้ำเกิดจากในน้ำมีวัชพืชปกคลุมจำนวนมาก และออกซิเจนมีน้อย
เมื่อมีฝนตกลงมา
น้ำเก่ากับน้ำใหม่มาเจอกันก็ทำให้ปลาปรับตัวไม่ทันจึงได้ลอยขึ้นมาจำนวนมาก
ในตอนแรกที่ปลายังไม่ตายก็มีชาวบ้านมาเก็บไปขายกันจำนวนมาก บางคนขายได้เงินถึงหมื่นบาทเพราะปลาแต่ละตัวมีขนาดใหญ่
บางตัวหนักถึง 10 กิโลกรัม
หลังทราบเรื่องก็ได้ประสานทางประมงอำเภอเข้าไปตรวจสอบแล้ว
ก็พบว่าปลาที่ยังไม่ตายสามารถนำไปรับประทานได้ไม่เป็นอันตรายอะไร
แต่แนะนำให้ปรุงสุก
ส่วนปลาที่ตายก็ไม่ควรจะนำไปรับประทาน
นายธวัช
กล่าวอีกว่า
สำหรับซากปลาที่ยังลอยเหลืออยู่ภายในอ่าง
คาดว่าในช่วงแรกคงจมลงไปอยู่ใต้น้ำ พอผ่านไปได้ 3 วันจึงลอยอืดขึ้นมาอยู่บนผิวน้ำ
ตนจะได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยนำเรือเข้าไปเก็บซากปลาเหล่านี้ออกมาทำลาย
เพื่อไม่ให้เกิดการเน่าเสีย
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1086 วันที่ 8 - 14 กรกฎาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น