
ทุกวันนี้ดูเหมือนวิถีธรรมดา ๆ ในต่างจังหวัดจะเป็นที่สนใจของคนมาเที่ยวมากขึ้น พวกเขาบางคนไม่ได้อยากไปแหล่งท่องเที่ยวฮอตฮิต ประเภทที่ว่าไม่มาก็เหมือนไม่ถึงอะไรอย่างนี้แต่คิดเกี่ยวกับการสำรวจชีวิตประจำวันของคนพื้นถิ่นว่ากินอะไร อยู่อย่างไร มีชีวิตแบบไหน
ดังนั้น เมื่อไปตลาด
เราจึงมักเห็นคนต่างถิ่นเดินไป ยกกล้องถ่ายรูปไป
หรือไม่ก็เซลฟีกับแม่ค้าอย่างสนุกสนาน ถามโน่นถามนี่ (แต่ไม่ซื้อ...แหะ ๆ
ก็บางอย่างเขากินไม่เป็นนี่)

ทว่าทุกวันนี้
ตลาดสายหยุดกลายเป็นตลาดใหญ่ใต้หลังคา ของกินพื้นถิ่นไม่ค่อยเห็นอีกแล้ว
แม่ค้าก็ไม่ได้สวมชุดพื้นถิ่นกับกุบไตอันเป็นเอกลักษณ์ ของที่วางขายนอกจากผักสด
ผลไม้ ที่ไม่ต่างอะไรจากตลาดอื่น ก็เห็นจะมีแต่ของที่นำมาขายนักท่องเที่ยว เช่น
ถั่วนานาชนิด น้ำมันงา ข้าวซอยตัด แทบทุกร้านขายเหมือนกันหมด
สำหรับคนที่เคยไปตลาดสายหยุดเมื่อ 10-20
ปีก่อน แน่นอนต้องเดินคอตกกลับไป ปากก็พร่ำบ่นว่า “มันไม่ใช่”
เสน่ห์ของตลาดเช้าไทยใหญ่หายไปไหนหมด คำตอบก็คือ มันตกหล่นไปตามกาลเวลาน่ะสิ

ไม่ใช่ทุกที่บนโลกใบนี้จะต้องการการเปลี่ยนแปลง
เพราะมันมักสวนทางกับความดั้งเดิมที่วันหนึ่งเราต้องถวิลหา
ตลาดเป็นที่ที่บ่งบอกชัดแจ้งว่าคนเมืองนี้มีวิถีอย่างไร กระทั่งมีคำกล่าวว่า
“อยากรู้ว่าชาวเมืองเขากินอยู่กันอย่างไรให้ไปตลาด” เอ...แต่ทุกวันนี้เราเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า
ประโยคนี้ยังใช้ได้อยู่ไหม สำหรับเมืองท่องเที่ยวใหญ่ ๆ มันกลายเป็นว่า
“อยากรู้ว่านักท่องเที่ยวเขาต้องการอะไรให้ไปตลาด” หมดแล้วน่ะสิ
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1106 วันที่ 25 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น