ในยุคที่ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ก็ใช้กันอยู่ในวงจำกัด
ดูเหมือนว่าร้านหนังสือเช่าจะเป็นความบันเทิงที่คนรุ่นหนึ่งยังคงระลึกถึงด้วยรอยยิ้ม
ไม่เพียงเป็นธุรกิจของครอบครัว ทว่านี่คือขุมกำลังทางปัญญา ที่หล่อหลอมเด็กชายจากครอบครัวพงษ์พิจิตรให้รักการอ่านมาตั้งแต่จำความได้
นายสัตวแพทย์พงษ์ประสิทธิ์ พงษ์พิจิตรหรือหมอมิ้นเกิดและเติบโตท่ามกลางสวนอักษรในร้านหนังสือเช่าย่านตลาดอัศวิน
กระทั่งไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ มาทำงานที่เชียงใหม่
ยามว่างจากหน้าที่การงานก็เดินเข้า-ออกร้านหนังสือในเชียงใหม่เป็นว่าเล่น กระทั่งย้ายกลับมาอยู่ลำปางบ้านเกิดก็พบว่า
ร้านหนังสือบ้านเรานั้นมีขนาดใหญ่โตก็จริง แต่สิ่งที่ขาดคือบรรยากาศ แต่ละร้านล้วนแล้วแต่มีการแบ่งพื้นที่สำหรับธุรกิจอย่างอื่น
ร้านหนังสือจึงไม่ชัดเจนในความคิดของหมอมิ้น
“ผมรู้สึกว่า การเข้าร้านหนังสือเริ่มไม่สนุก
ถ้าอย่างนั้น เราลองทำร้านหนังสือของเราเองเถอะ หาหนังสือที่ชอบมาวางบนชั้น
ผมว่าต้องมีบ้างล่ะคนที่ชอบแนวกับเรา”
สามปีที่แล้วหมอมิ้นจึงเปิดร้านหนังสือชื่อ “ร้านหนังสือเล็ก
ๆ ที่รัก (Little Lovely Book Shop)”บนชั้นสองของคลินิกบ้านรักษาสัตว์
ใครจะคิดว่า ร้านหนังสือกับคลินิกรักษาสัตว์จะใช้พื้นที่ร่วมกันได้ แต่เรากลับพบว่า
นี่คือส่วนผสมอันลงตัวเลยทีเดียว เหมือนโลกที่ทับซ้อนกันอยู่ฟากหนึ่งคือโลกจริง
อีกสิ่งหล่อเลี้ยงความฝัน
หนังสือส่วนใหญ่ที่นำมาขึ้นชั้นในระยะแรก
คือวรรณกรรมเยาวชนของสำนักพิมพ์ผีเสื้อตามความชอบของหมอมิ้น ต่อมาจึงค่อย ๆ
ขยับขยายคัดหนังสือโดยอาศัยสัญชาตญาณความเป็นนักอ่าน ทุกวันนี้พื้นที่เล็ก ๆ
ของร้านอัดแน่นไปด้วยงานวรรณกรรมดี ๆ ของหลากหลายสำนักพิมพ์
ไม่ว่าจะเป็นสำนักพิมพ์ผีเสื้อ สำนักพิมพ์แพรวเยาวชน สำนักพิมพ์กำมะหยี่ openbooksฯลฯ ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่สร้างสรรค์และจรรโลงใจ เป็นหนังสือที่หมอมิ้นรู้จัก
เช่นนี้ ไม่ว่าเราจะหยิบจับหนังสือเล่มไหน เจ้าของร้านก็สามารถให้คำแนะนำได้
“ที่นี่เปรียบเหมือนถ้ำน่ะครับ”
หมอมิ้นพูดพลางยิ้ม “สำหรับมาตามหาหนังสือที่หาไม่เจอจากร้านอื่น จะนั่งอ่าน
หรือขลุกอยู่ในนี้นานเท่าไรก็ได้ตามสบายเลยครับ”
ช่วงหนึ่งมีกระแสการตามหาร้านหนังสือเล็ก ๆ
ในแต่ละจังหวัด ลูกค้าของร้านหนังสือจึงเป็นนักท่องเที่ยวที่ดั้นด้นมาตามเพจLitlle
lovely bookshopซึ่งทำให้ร้านเป็นที่รู้จักในแวดวงนักอ่านมากขึ้น
หลัง ๆ จึงเริ่มมีนักอ่านชาวลำปางมาเยี่ยมเยือนบ้าง
“เมื่อเร็ว ๆ
นี้มีเด็กนักเรียนเหมารถมาที่ร้าน เห็นแล้วชื่นใจครับ คือเด็กเขาต้องเก็บเงิน
การจะซื้อหนังสือสักเล่มนี่ คงเป็นหนังสือที่เขาอยากอ่านจริง ๆ เพราะทุกวันนี้ยอมรับเลยครับว่า
หนังสือแต่ละเล่มราคาไม่ถูก”
เป็นเรื่องจริงที่ว่า
ธุรกิจหนังสือทุกวันนี้แข่งกันที่ส่วนลด ราคาปกจึงต้องตั้งไว้สูง อีกอย่างที่ทำให้หนังสือแต่ละเล่มแสนแพงก็คือ
ราคากระดาษ ขณะที่จำนวนพิมพ์น้อยก็มีส่วนเพิ่มต้นทุนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การเกาะติดแวดวงหนังสือ
หรือแม้แต่นักเขียน เป็นเรื่องจำเป็น ร้านหนังสือเล็ก ๆ
ที่รักจึงไม่เคยขาดหนังสือใหม่ ๆทุก 2-3 อาทิตย์หมอมิ้นจะสั่งหนังสือมาวางที่ร้าน
ด้วยวิธีเอาเงินไปวางกับสายส่ง หรือไม่ก็ซื้อขาด ซึ่งมีข้อดีคือได้ส่วนลดมาก
แต่หากบริหารจัดการไม่ดีเงินก็จม สุดท้ายคือสำนักพิมพ์นำหนังสือมาฝากขาย
แสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกัน
"การค้นหาความหมายระหว่างบรรทัด
คือ ความรื่นรมย์ที่ยังคงตรึงตรานักอ่านไม่ว่ายุคสมัยใด"
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หมอมิ้นไม่ปฏิเสธว่า
ร้านหนังสือเล็ก ๆ ของเขาไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้
คลินิกบ้านรักษาสัตว์ต่างหากที่เป็นรายได้หลัก
“เราเปิดร้านหนังสือไม่ได้หวังแข่งกับใครครับ
แค่หวังสร้างพื้นที่เล็ก ๆ สำหรับนักอ่านคอเดียวกัน เราทำให้เหมือนกับว่า
นี่คือชีวิตประจำวัน แล้วอีกอย่างเราก็อยู่ที่นี่ ทำงานที่นี่
หนังสือเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตเรา และถ้าพูดกันตามจริง หนังสือเป็นสินค้าที่ไม่หวือหวาครับ
เดือน ๆ หนึ่งขายได้ 20-30 เล่มเท่านั้น”
โลกยุคดิจิทัลหมุนเร็วกว่าที่เราคิด
และมันได้สั่นสะเทือนโลกแห่งการอ่านอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง อย่างไรก็ตาม
หมอมิ้นมองว่าหนังสือยังคงมีเสน่ห์จากความเรียบง่าย การได้สัมผัสกระดาษ
ละเลียดชมภาพประกอบ หรือแม้แต่ค้นหาความหมายระหว่างบรรทัด
เหล่านี้ต่างหากคือความรื่นรมย์ที่ยังคงตรึงตรานักอ่านไม่ว่ายุคสมัยใด
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1114 วันที่ 27 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ 2560 )
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น