เกือบ 20
ปีแล้ว ที่ ‘ป๋าเหนาะ’ เสนาะ เทียนทอง
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาล บรรหาร ศิลปอาชา โดยในยุคนั้นสมัยนั้นได้ให้นโยบายว่า ชื่อ ยาม้า
(ยาขยัน) ทำให้ผู้เสพเข้าใจว่า
เป็นยาที่กินแล้วให้กำลังวังชามีเรี่ยวแรงคึกคักเหมือนม้า ควรจะเปลี่ยนไปเรียกว่า ยาบ้า
เพื่อให้ผู้เสพตระหนักถึงโทษของยาที่ทำให้ผู้เสพไม่สามารถควบคุมสติได้
เกิดความรังเกียจ ทำให้ไม่อยากเสพ และจะช่วยลดจำนวนผู้เสพยาได้
และเปลี่ยนประเภทจากสิ่งเสพติดประเภท 3 ซึ่งจำหน่ายได้ในร้านขายยา
เป็นสิ่งเสพติดประเภท 1 ซึ่งห้ามจำหน่าย
และมีบทลงโทษต่อผู้ขายรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิตเพื่อให้ผู้ขายกลัวต่อบทลงโทษ
แต่กลับทำให้ยาบ้ามีราคาจำหน่ายสูงขึ้น
จนสร้างผลกำไรต่อผู้ขายเป็นอย่างมาก และมีผู้ผลิตและจำหน่ายมากขึ้น
มีการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมให้เสพติดง่ายขึ้น มีฤทธิ์รุนแรงขึ้น และยังกลายเป็นปัญหาสังคมในปัจจุบัน
ลูกทรพีเสพยาบ้าประสาทหลอนฆ่าพ่อตัวเอง
หนุ่มเมายาบ้าฆ่าแฟนสาว
จ้างเพื่อนบ้านขนศพไปทิ้ง
ไม่จ่ายก็ตาย!
พ่อค้ายาบ้าฆ่าลูกหนี้ อ้างโกง 3 แสน ค้นบ้านเจอระเบิด
รวบแก๊งค้ายาบ้าโหด
ลวงวัยรุ่นฆ่าล้างหนี้ยิงหัวทิ้งศพหมกป่า
มั่วเสพยาบ้า
กัญชา อุ้มเมียไปฆ่า ยิงดับเจ้าของคาร์แคร์
คนงาน'คลั่งยา'
ฆ่า2ขวบ ลูกนายจ้างสยอง
“หนุ่มคลั่งยา”ปืนจี้เมีย-ลูก9เดือนหนีเข้าป่า
จับผัวคลั่งยาบ้าใช้สว่านไฟฟ้า
เจาะแทงเมียสาวดับสยอง
พาดหัวข่าวเหล่านี้เป็นเพียงส่วนน้อยที่สะท้อนการทำงานของรัฐที่ล้มเหลวในการจัดการปัญหายาเสพติดที่เรื้อรังมานาน
นานจนถ้าประเทศไทยเป็นคนคงจะเป็นป่วยเข้าขั้นโคม่ารักษาไม่หาย รอวันตายเท่านั้น
นายกรัฐมนตรีคนไหนมาประกาศเอาจริงเอาจัง ประกาศสงครามกับยาเสพติด เกิดการฆ่าตัดตอนเพื่อหวังกำจัดปัญหานี้ไปให้หมด
สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิม ทั้งที่งบประมาณก็มี
ระยะเวลาก็ทำต่อเนื่องแต่ปัญหาไม่เพียงแต่ไม่น้อยลงแต่ยังหนักข้อขึ้นทุกวัน
ผู้ต้องหาคดียาบ้าเพิ่มจากหลักหมื่นกลายเป็นหลักแสนคน
โดยในจำนานเหล่านี้เป็นผู้ค้ารายย่อย พวกรับจ้างขน และผู้เสพ
ซึ่งไม่เคยสาวถึงตัวการใหญ่ได้เลย
อย่างล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ลำปางมีการจับยาบ้าล๊อตใหญ่ได้หลายครั้งตั้งแต่หลักแสนเม็ดไปถึงหลายล้านเม็ด
มูลค่าหลักพันล้านบาท
คำถามที่ตามมาคือ
อะไรที่ทำให้คนขนยาบ้ามั่นใจว่ายาล๊อตใหญ่จำนวนมากขนาดนี้จะไฟเขียวตลอดเส้นทางการขนส่งหากไม่มีการใช้บอดี้การ์ดสีเทาเป็นใบผ่านทาง
ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าจะเปลี่ยนชื่ออีกสักกี่ครั้งเป็นยานรก
ยาผีห่าซาตานขนาดไหน ถ้าไม่เร่งพัฒนาคุณภาพชีวิต เร่งให้ความรู้
ไปพร้อมๆกับปฏิรูปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เอาจริงเอาจังกับปัญหาเรื้อรังกัดกินประเทศชาติ
เยาวชน มันก็จะวนอยู่แบบนี้เรื่อยๆ
เมื่อปีที่แล้วมีกระแสจะทำยาบ้าให้เป็นสินค้าเศรษฐกิจเพราะยังไงก็แก้ไม่ได้
ก็ผลิตแล้วขายเม็ดละ 50 สตางค์ จะได้ซื้อง่ายขายคล่อง
ทำให้สังคมฮือฮากับความคิดของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อยู่พักหนึ่งและแน่นอนว่าถูกวิพากษ์วิจารณ์กันระเนระนาด
ปัญหายาเสพติดไม่ได้เป็นปัญหาโลกแตกเหมือนไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันที่มีข้อถกเถียงสารพัดสารเพ
แต่เรื่องของยาเสพติดเป็นเรื่องของประโยชน์ล้วนๆและดันเป็นผลประโยชน์ก้อนใหญ่ที่ใครเห็นเม็ดเงินต่างก็ตาลุกวาวจนลืมบทบาทหน้าที่เป็นทาสรับใช้พ่อค้ายานรก
จะว่าไปแล้วคดีค้ายาบ้า ลักลอบตัดไม้
เหมือนกันตรงที่มีแต่ข่าวทุกเดือนต่อเนื่องหลายปีแต่ไม่เคยสาวถึงตัวการใหญ่ได้แม้แต่ครั้งเดียว
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1118 วันที่ 24 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2560 )
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น