
ไฟไหม้กองวัชพืชกองใหญ่มหึมา ในโรงงานรับซื้อเศษวัชพืช ต.นาแส่ง อ.เกาะคา ใช้เวลา 3 วันกว่าจะดับได้ ส่วนสาเหตุไฟไหม้ครั้งนี้ ผู้จัดการบริษัทฯ เผยน่าจะเกิดจากการสันดาปจนเกิดการไหม้ขึ้นมา มูลค่าความเสียหาย 5 แสน ห่วงปัญหาคุณภาพอากาศ โชคดีไม่กระทบชาวบ้านมากนัก
เมื่อวันที่
6 ก.พ.60 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้เศษวัชพืชที่กองทับถมอยู่จำนวนมาก
ที่บริษัท รับซื้อ เศษไม้ ขี้เลื่อย เพื่อนำส่งไปผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลแห่งหนึ่ง
ตั้งอยู่ติดถนนระหว่าง บ้านสองแควพัฒนา หมู่ 5 ต.นาแส่ง
อ.เกาะคา จ.ลำปาง โดยมีกลุ่มควันโพยพุ่งออกมาจำนวนมาก
มองเห็นกลุ่มควันได้ในระยะไกล ซึ่งกองวัชพืชขนาดใหญ่ไม่มีวี่แววว่าจะดับลงได้
ยังคงมีกลุ่มควันโพยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าจำนวนมาก แม้ว่าทางท้องถิ่นในพื้นที่จะระดมกำลังรถดับเพลิงเข้ามาให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
แต่ก็ยังคงมีความร้อนระอุอยู่ภายในกองวัชพืช ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเปลือกและซังข้าวโพดที่ติดไฟได้เป็นอย่างดี
ต่อมาวันที่
8 ก.พ.60 จังหวัดลำปาง
ได้มีการระดมเจ้าหน้าที่ พร้อมรถดับเพลิงจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยเขต 10 ลำปาง สนับสนุนรถดับเพลิงขนาด 1 หมื่นลิตร จำนวน 2 คัน รถดับเพลิงในพื้นที่อำเภอเกาะคา ประกอบด้วย อบต.นาแส่ง
เทศบาลตำบลวังพร้าว เทศบาลตำบลศาลา เทศบาลตำบลเกาะคา เทศบาลตำบลลำปางหลวง
เทศบาลตำบลท่าผา
เข้าไปช่วยกันระดมฉีดน้ำไปยังกลุ่มควันไฟที่ยังคุกกลุ่นในพื้นที่แห่งนี้
พร้อมทั้งระบบฉีดน้ำดับเพลิงของบริษัทที่ติดตั้งรอบๆกองเศษวัชพืชที่ลุกไหม้
เพื่อเร่งดับไฟให้มอดลง และดับสนิทให้เร็วที่สุด ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์วอลรูมไฟป่าลำปาง
ได้เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.เกาะคา นายก
อบต.นาแส่ง เจ้าหน้าที่ ปภ.ลำปางเจ้าหน้าที่ ปภ.เขต10ลำปาง
พร้อมเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ เพื่อเคลียร์พื้นที่ให้เสร็จในวันเดียวกัน
นายพรศักดิ์
เชื้อเมืองพาน ผู้จัดการส่วนประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ บริษัทฯแห่งนี้ เปิดเผยว่า
สาเหตุน่าจะมาจากปฏิกิริยาการหมักของซังและเปลือกข้าวโพด
ทำให้เกิดก๊าซมีเทนและความร้อนสูง ทำให้สันดาปลุกไหม้ โดยปกติแล้ว
ก่อนที่จะนำเชื้อเพลิงชีวมวลเหล่านี้ไปผลิตไฟฟ้า จะต้องทำการหมักทิ้งไว้ประมาณ 6 เดือนก่อนที่จะขนส่งไปยังโรงงานที่
จ.ลำพูน แต่กองที่เกิดเหตุนี้ เพิ่งหมักได้ประมาณ 3 เดือน
เบื้องต้นน่าจะมาจากช่วงก่อนหน้านี้เกิดฝนตกลงมาหลายวัน เกิดการหมักหมม ทำให้เกิดการสันดาปประทุเชื้อเพลิงขึ้นมา
ยืนยันว่าจะสามารถดำเนินการดับสนิททั้งหมดอย่างแน่นอน ส่วนผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่
ในเบื้องต้นได้ลงพื้นที่พบปะผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้าน และพบว่ายังไม่ส่งผลต่อสุขภาพแต่อย่างใด
มีเพียงแค่วันแรกๆที่เกิดการลุกไหม้จะมีกลุ่มควันโพยพุ่งออกไปปกคลุมทำให้แสบจมูกบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับต้องรักษาพยาบาล
ทั้งนี้ยังคงเฝ้าติดตามเรื่องสุขภาพของชาวบ้านอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
สำหรับค่าเสียหายนั้น
ในเบื้องต้นกองเศษวัชพืชมีประมาณ 800 ตัน รับซื้อกิโลกรัมละ 600 บาท มูลค่าอยู่ที่ประมาณ 5 แสนบาท แต่ทางบริษัทไม่ได้ให้ความสำคัญกับค่าเสียหายมากนัก
เพราะไม่ได้มากมายอะไร สิ่งที่เป็นห่วงคือ ผลกระทบที่จะเกิดกับชาวบ้านมากกว่า
ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงที่ จ.ลำปางรณรงค์เรื่องการงดเผาเพื่อลดปัญหาหมอกควัน
จึงต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด
โดยทางบริษัทจะดำเนินการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนกองวัชพืชเหล่านี้ไม่สามารถใช้การได้แล้วก็จะนำไปทำปุ๋ยแจกจ่ายให้กับชาวบ้านต่อไป
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังผู้จัดการบริษัทฯ ทราบว่า
ได้มีการเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 8 ก.พ.60
โดยไม่มีกลุ่มควันและการติดไฟแล้ว
ซึ่งทางบริษัทได้มีการจัดตั้งเวรยามไว้คอยสังเกตการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟปะทุขึ้นมาอีก
หรือหากเกิดจะได้ทำการดับได้ทันไม่ให้ลุกลาม
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1116 วันที่ 10 - 16 กุมภาพันธ์ 2560 )
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1116 วันที่ 10 - 16 กุมภาพันธ์ 2560 )
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น