
นับตั้งแต่วันที่
22 พฤษภาคม 2257 ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งประเทศไทย
หรือ คสช. ที่ออกมาประกาศรัฐประหาร ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ลบความอึมครึมขุ่นมัวของบ้านเมืองที่ก่อนหน้าที่มีข่าวลือว่าจะเกิดปฏิวัติ ฝ่ายเสื้อสีขั้วต่างทางการเมืองที่ฮึ่มๆใส่กันและมีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงกันหลายต่อหลายครั้ง
จนมาถึงวันนี้เกือบ 3 ปี แล้ว
ที่ คสช. ได้ดำเนินการตามโร้ดแมป แผนปฏิรูปประเทศไทย
จากห้วงเวลาที่ผ่านมาดูเหมือนประเทศไทยจะเข้าสู่ช่วงน้ำลด ตอต่างๆที่จมอยู่ใต้น้ำดูจะผุดโผล่มาให้เห็นความเน่าเหม็นที่ซ่อนเร้นไว้ใต้ความชอบธรรม
แทบจะในทุกวงการเลยก็ว่าได้
ถ้ายังจำกันได้วันที่ 9 สิงหาคม
2557 ลุงตู่ กล่าว เปิดงาน ‘เส้นทางการปฏิรูปประเทศไทย’ ว่า
“เด็กสมัยนี้
มันเรียนอะไรนักหนา กลับบ้านยังต้องมานั่งทำการบ้านถึงสี่ทุ่มเที่ยงคืน
ให้มันมีเวลาอยู่กับครอบครัวบ้างสิ แล้วอย่างนี้มันจะหาความอบอุ่นในครอบครัวจากไหน
กลับมาพ่อมันก็ต้องช่วยทำการบ้าน รุ่งขึ้นมันบอกพ่อเมื่อวานทำผิดหมด
เสาร์อาทิตย์ก็ต้องไปเรียนพิเศษ พ่อแม่ก็ต้องหาเงิน เลี้ยงลูกเป็นเทวดาให้เรียนอย่างเดียว
วันหยุดเรียนพิเศษ เด็กเรียนหนังสือมีแต่ชีท ไม่มีตำรา.. แล้วคุรุสภาทำอะไร !? พิมพ์หนังสือมาเยอะแยะ”
จบประโยคนี้เรียกเสียงปรบเสียงหัวเราะได้ดังไม่แพ้เดี่ยวไมโครโฟนเลยทีเดียว
เป็นพูดตามสไตล์ลุงตู่
ฟังดูเบาๆ คลูๆแต่เรียกเสียงฮาได้ยอดเยี่ยม ในขณะที่หลายหน่วยงานคงจะขำไม่ออก แถมยังจะเหงื่อแตกซิกๆ
โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา เพราะฟังแล้วมันโดน!!
ปัญหานี้เรื้อรังมานาน
แต่ดูเหมือนผู้บริหารการศึกษาจะไม่ปิดหูปิดตา คล้ายไม่ยอมรับความจริง
จึงยังไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจังเสียที
ไม่ต้องมองไกลถึงเมืองหลวง
หากเราหันมามองในเมืองลำปาง จังหวัดเล็กๆ
นโยบาย
ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนว่าจะถูกยิงเป็นพลุ
แตกโป๊ะกลางอากาศแล้วก็จางหายไป
นโยบายดีแต่หากยังไม่เปลี่ยนค่านิยมการศึกษาไทยและยังไม่พัฒนากระบวนการเรียนรู้ให้นักเรียนสามารถตอบโจทย์ชีวิต
คาดหวังแต่เพียงคะแนนสอบสูงๆต่อให้ออกนโยบายมาอีกซักเท่าไหร่
เราก็ยังก้าวอยู่กับที่
โรงเรียนดังแห่งหนึ่งของลำปาง
นักเรียนบอกว่าครูไม่ค่อยเข้าสอน หนังสือก็ไม่เคยเห็น แจกแต่ชีท
และที่เลวร้ายที่สุดคือ
ครูใช้ข้อแบบฝึกหัดที่ใช้สอนในที่เรียนพิเศษเป็นข้อสอบปลายภาค!!
ครูบางคนพอเปิดภาคเรียนก็แนะนำตัวเองพร้อมบอกว่าสอนพิเศษ
และให้สิทธิพิเศษกับนักเรียนที่ไปเรียนกับตัวเองด้วย
นี่คือความจริงที่ผู้ปกครองเองก็รู้ แต่ไม่กล้าพูดอะไรมาก
เพราะอยากให้ลูกได้เกรดดีๆอย่างน้อยจะได้เป็นส่วนหนึ่งของคะแนนตอนยื่นแอดมิดชัน
แต่หากรู้ไม่ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของความหายนะเพราะนักเรียนจะมีพื้นฐานความรู้ที่ไม่แน่นพอเมื่อก้าวไปสู่การเรียนในระดับอุดมศึกษา
โอ้ละหนอ...การศึกษา
นี่แค่ยกเคสที่ลำปาง ที่จังหวัดอื่นก็คงไม่ต่างกัน
ที่แย่ไปกว่านั้นในช่วงที่ผ่านมามีข่าวครูอนุบาลเดินฉีกกระดาษ-ทำร้ายร่างกายเด็ก
ซึ่งมีคลิปแชร์กันว่อนเนต แฉพฤติกรรมของครูอนุบาลและครูพี่เลี้ยง
เดินฉีกกระดาษระบายสีของเด็กนักเรียน เหตุเพราะเด็กนักเรียนระบายสีไม่ตรงตามโจทย์
รวมทั้งทำร้ายร่างกายเด็กภายในโรงเรียนชื่อดังย่านประชาอุทิศ กรุงเทพฯ ซึ่งล่าสุดทางโรงเรียนมีมติไล่ครูประจำชั้นกับครูพี่เลี้ยงออกแล้ว
พร้อมสัญญาจะเพิ่มมาตรการความปลอดภัย
รักวัวให้ผูก
รักลูกให้ตี สุภาษิตที่ยังใช้ได้ตลอดกาล แต่หากเป็นการตีโดยใช้อารมณ์และทำเกินกว่าเหตุอย่างในกรณีเด็กอนุบาลถูกครูพี่เลี้ยงกระทำการเช่นนี้อาจสร้างรอยแผลและความกลัวใจจิตใจที่การเยียวยาอาจไม่ใช่เรื่องง่าย
เหมือนการแก้ปัญหาโดยการไล่ออกในทันที
เอาเข้าจริงๆแล้วเรื่องการตี
การลงโทษเกินกว่าเหตุแบบนี้มีให้เห็นมาหลายต่อหลายครั้ง เป็นข่าวทีก็ปรับปรุงที
ผ่านไปซักพักก็เริ่มมีข่าวทำนองนี้อีกครั้ง
วนเป็นวงจรที่ไม่จบสิ้นและอย่าถามหาปลายทางของการปฏิรูปการศึกษา
เพราะเพียงแค่จุดเริ่มต้นยังเปลี่ยนไปมาเหมือนนักเรียนเป็นหนูทดลองก็ไม่ผิด
ทำอย่างไรให้การศึกษาดี
มีครูมีคุณธรรม เอาการศึกษาออกนอกระบบกระทรวงได้เมื่อใด แสงทองผ่องอำไพเมื่อนั้น
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1119 วันที่ 3 - 9 มีนาคม 2560 )
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น