
ถึงวันนี้
การก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่เทศบาลเมืองเขลางค์นคร ยังคงเป็นพิมพ์เขียว
ที่ยังมองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาว่าเป็นอย่างไร
ถ้าโทษว่าเป็นอาถรรพ์ของพื้นที่ที่เดิมเป็นป้าช้าเก่า
จนทำให้ไม่สามารถสร้างได้สำเร็จ ก็เป็นเหตุผลที่ดี ไม่ต้องมาถกเถียงกันให้ยาวความ
แต่ถ้าจะถามความรับผิดชอบ
นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร ที่อยู่ในตำแหน่งมาตลอดระยะเวลาก่อสร้าง
ควรต้องรับผิดชอบในความล่าช้า
และการสิ้นเปลืองงบประมาณมหาศาลที่ต้องไปจ่ายค่าเช่าอาคารนานนับสิบปีหรือไม่
ปัญหาการยกเลิกสัญญา
หาผู้รับเหมาใหม่ ก็น่าจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการประมูลงานทั่วไป
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แก้ปัญหาได้ ตัดสินใจได้ที่จะตัดตอน
เร่งรัดการก่อสร้างให้เสร็จ ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมาช่วงรายใด
แต่คล้ายไม่มีการบริหารจัดการ
ปัญหาก็วนไปวนมา เหมือนเดินขึ้นเขาวงกต จนแทบจะพูดได้ว่าในขนาดของงานก่อสร้างเช่นนี้
คงไม่มีที่ใดอีกแล้วในประเทศไทย ที่จะใช้จ่ายเวลาสิ้นเปลืองขนาดนี้
ยกเว้นสถานที่ที่มีการทุจริต คอรัปชั่น จนมองไม่เห็นฝั่งว่าจะเริ่มต้น
ลงท้ายอย่างไร เช่น กรณีการสร้างสนามกีฬาจังหวัดลำปาง และอีก 6 จังหวัด
“ม้าสีหมอก”
เคยไปเยือนอิตาลี ที่นั่นมีหอเอนเมืองปิซา หรือ Learing tower of Pisa 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก หอเอนปิซา
ใช้เวลาก่อสร้างจนแล้วเสร็จ รวม 177 ปี ถ้าเทศบาลเขลางค์
เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ปล่อยให้การก่อสร้างอาคารสำนักงานเดินไปเรื่อยๆตามธรรมชาติ
เวลาก็อาจถอยๆไปเรื่อยๆ ตามแรงเฉื่อยชาของผู้บริหารเทศบาล
ในที่สุดเราอาจมีอาคารเทศบาล 200 ปี ทำลายสถิติโลก
เป็นที่เชิดหน้าชูตาคนลำปาง อีกเรื่องหนึ่งก็ได้
น่าเสียดาย
ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังอุ้มผู้บริหารองค์กรท้องถิ่นไว้
ไม่มีการเลือกตั้ง ผู้บริหารชุดเก่าก็ตีตั๋วต่อ เป็นกำไรชีวิต
แต่เทศบาลเขลางค์ขาดทุน ที่สูญเสียโอกาสเลือกคนดี มีความสามารถ
เข้ามาแก้ปัญหาอาคารสำนักงานเรื้อรัง
“ลานนาโพสต์” ได้ติดตามข่าวการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่เทศบาลเมืองเขลางค์นครอย่างต่อเนื่องปี
2560 นี้ ได้เข้าสู่ปีที่ 9 ของการดำเนินการตั้งแต่การจัดซื้อที่ดินจนไปถึงการก่อสร้างอาคารสำนักงานในปัจจุบัน
พูดง่ายๆว่าเกือบทศวรรษจัดเป็นมหากาพย์ได้เลย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา
การก่อสร้างสำนักงานแห่งนี้ผ่านอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
เรื่องผู้รับชุดแรกที่ลงเสาเข็มไม่ถูกสเปค ก็เป็นเรื่องเป็นราวฟ้องร้องกันไป
พอมาถึงผู้รับเหมาชุดต่อมามีคนงานเข้ามาทำการก่อสร้าง
ดูท่าทีว่าน่าจะดีแต่การก่อสร้างก็คืบหน้าน้อยมาจนสุดท้ายแรงงานก็มีประท้วงว่าไม่ได้ค่าแรง
ทั้งที่เทศบาลก็เบิกจ่ายกันเป็นงวดๆ และหลังจากนั้นการก่อสร้างก็หยุดชะงักไปอีกครา
นายไพฑูรย์
โพธิ์ทอง นายกเมืองเขลางค์ฯ เคยบอกว่าเดิมพื้นที่บริเวณนี้เป็นป่าช้าเก่า แต่เจ้าหน้าที่
ผู้รับเหมาก็ได้ทำพิธีต่างๆตามความเชื่อไปทุกอย่างแล้ว เพื่อให้การทำงานสงบราบรื่น ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงมีอุปสรรคเกิดขึ้นโดยตลอด
สงสัยเจ้าที่จะแรง
ถึงขนาดบวงสรวง
เซ่นไหว้ บอกกล่าวเจ้าที่ขนาดนี้แล้ว เจ้าที่ยังไม่ช่วย ก็ต้องเลิกเล่นของ แล้วกลับมานั่งทบทวนความผิดพลาดของตัวเอง
ที่ทำงานง่ายๆ งานที่ผู้คนให้การสนับสนุน ให้กำลังใจเช่นนี้ไม่เป็นผล
ปล่อยทิ้งร้างไปแล้ว
ตั้งศาลเพียงตาขึ้นศาลหนึ่ง ไหว้เช้า ไหว้เย็น อ้วนวอนเจ้าที่ให้เห็นใจ
ขณะที่ผู้บริหารก็ต้องคิดให้เป็น พวกเขาเป็นคนที่ประชาชนเลือกมา
เมื่องานเท่านี้ทำไม่สำเร็จ ก็สมควรทำอัตวินิบาตกรรมหมู่ให้รู้แล้วรู้รอดไป
ไม่ต้องอับอายใคร
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1126 วันที่ 28 เมษายน - 4 พฤษภาคม 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น