หลังจากเทศบาลนครลำปาง
ร่วมกับเครือข่าย ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือการบริหารจัดการมูลฝอยติดเชื้อของเทศบาลนครลำปาง
โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบกำจัดมูลฝอยติดเชื้อที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ สามารถรองรับมูลฝอยติดเชื้อที่เกิดจากสถานพยาบาลของรัฐ
โรงพยาบาลประจำจังหวัด โรงพยาบาลอำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลเอกชน
คลินิกรักษาผู้ป่วย คลินิกรักษาสัตว์ รวมถึงมูลฝอยอื่นๆ
ภายในจังหวัดลำปางและใกล้เคียง นำมากำจัดอย่างถูกต้องและปลอดภัย เมื่อวันที่ 17
พ.ค.60 ที่ผ่านมา ซึ่งกำหนดการก่อสร้างเตาเผาขยะในปี 2562 ภายในบริเวณบ่อฝังกลบขยะมูลฝอย
หมู่ 2 ต.กล้วยแพะ อ.เมือง จ.ลำปาง ใช้เวลาดำเนินการ 3 ปี ในวงเงินงบประมาณ 380 ล้านบาท
เมื่อวันที่
22 พ.ค.60 ชาวบ้านในพื้นที่ ต.กล้วยแพะ อ.เมือง
จ.ลำปาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อฝังกลบขยะมูลฝอยของเทศบาลนครลำปาง
ได้รวมตัวกันออกมาคัดค้านการก่อสร้างเตาเผาขยะติดเชื้อดังกล่าว โดยชาวบ้านกว่า 200 คน ได้นำเต็นท์มาตั้งด้านหน้าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกล้วยแพะ
เนื่องจากไม่ต้องการให้มีการก่อสร้างในพื้นที่ของตนเอง
นายจินณ์
ถาคำฟู สมาชิกสภา อบจ.ลำปางในพื้นที่
กล่าวว่า ทุกวันนี้มีบ่อขยะในพื้นที่ ต.กล้วยแพะ ชาวบ้านก็หวานอมขมกลืนอยู่แล้ว
โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวจะได้กลิ่นขยะเหม็นอย่างชัดเจน
เมื่อมีโครงการเตาเผาขยะเข้ามาชาวบ้านก็ไม่สบายใจ
เพราะขยะที่จะนำเข้ามาเผาเป็นขยะติดเชื้อ
พวกเราไมได้มาประท้วงเพียงแต่มาแสดงความคิดเห็น เพราะเห็นว่าทางเทศบาลนครลำปางทำผิดขั้นตอนไป
การจะทำบันทึกข้อตกลง ต้องมาสำรวจออกแบบ ทำประชาคมชาวบ้าน
ชี้แจงให้ชาวบ้านได้ทราบก่อน ซึ่งตนเชื่อว่าหากชาวบ้านไม่เห็นด้วยโครงการนี้เกิดไม่ได้แน่นอน
ขณะเดียวที่ชาวบ้าน
ต.กล้วยแพะ ได้รวมตัวกันอยู่นั้น ทางด้านนายกิตติภูมิ นามวงค์
นายกเทศมนตรีนครลำปาง ได้ตั้งโต๊ะชี้แจงสื่อมวลชนถึงโครงการดังกล่าว เนื่องจากทราบว่ามีกลุ่มชาวบ้านออกมารวมตัวคัดค้าน
และได้ประกาศยุติโครงการทันที
นายกิตติภูมิ
นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง กล่าวว่า โครงการก่อสร้างเตาเผาขยะติดเชื้อเป็นหนึ่งในโครงการบริหารจัดการขยะในอนาคต
ในฐานะนายกเทศมนตรีต้องรับผิดชอบในเรื่องการบริหารจัดการขยะให้ถูกสุขลักษณะ ถ้ามีการเปิดหน้าที่ฝังกลบขยะในทุกปีบนพื้นที่ 600
กว่าไร่ ในบริเวณบ่อฝังกลบ ก็จะกลายเป็นขยะมหาศาลส่งผลกระทบต่อประชาชนวันใดวันหนึ่ง
โครงการบริหารจัดการขยะในอนาคตจึงเป็นแนวคิดขึ้นมาว่า ควรจะต้องมีเทคโนโลยีและแนวทางจัดการขยะทั้งหมดเข้ามาทดแทน
ซึ่งมีแนวคิดไว้ 3
เรื่อง คือ 1.โครงการก่อสร้างเตาเผาขยะติดเชื้อ 2.จัดการขยะที่อยู่ในดินปัจจุบันนำออกมาเพื่อกำจัดหรือนำไปใช้ประโยชน์
คืนพื้นที่สู่สภาพปกติ และ 3.จัดหาเทคโนโลยีในการคัดแยกขยะให้ถูกหลักสุขาภิบาล
นายกเทศมนตรีนครลำปาง
กล่าวต่อไปว่า โครงการสร้างเตาเผาขยะติดเชื้อ จึงเป็นโครงการเริ่มต้น เพื่อวางแผนขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล
ซึ่งยังไม่ทราบว่ารัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณหรือไม่ เหตุที่เริ่มโครงการนี้เพราะขยะที่นำไปทิ้ง
ไม่มีการคัดแยกขยะติดเชื้อ และขยะติดเชื้อเหล่านี้ไม่ได้กำจัดอย่างถูกสุขลักษณะ
แม้ว่าจะมีโรงพยาบาลบ้างแห่งจ้างบริษัทเอกชนนำขยะไปกำจัด
และมีบางแห่งมาขอใช้เตาเผาศพของเทศบาลเพื่อกำจัดขยะติดเชื้อ ทุกวันนี้พูดได้ว่ายังไม่มีเตาเผาขยะใดที่ถูกสุขาภิบาล
จึงไม่ทราบว่าขยะติดเชื้อจะไปแพร่เชื้อขยายไปอีกเท่าไร
แต่มีผลต่อสุขภาพของประชาชนอย่างแน่นอน
“วันนี้ตนได้นำเสนอแผนงานเพื่อบริหารจัดการขยะในอนาคตให้กับประชาชนและทุกภาคส่วนแล้ว
ถือว่าได้ทำหน้าที่ในฐานะนายกเทศมนตรี ที่ปฏิเสธความรับผิดชอบเรื่องขยะไม่ได้ ส่วนโครงการเตาเผาขยะดังกล่าวต้องขอโทษผ่านไปยังนายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร
ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ท่านสมาชิกสภา อบจ.
สมาชิกสภาเทศบาล พี่น้องประชาชน ต.กล้วยแพะ ที่มีความกังวลใจ จึงขอประกาศยุติแผนการบริหารจัดการขยะในอนาคตทั้งหมด
3 โครงการเอาไว้ และจะขอเรียกคืนเอกสารเกี่ยวกับเรื่องนี้กลับมาทั้งหมด เพื่อในวันข้างหน้าหากมีผู้อื่นที่เห็นความสำคัญของแนวคิดนี้
จะสามารถนำกลับมาใช้ในอนาคต
ซึ่งตนจะขอบริหารจัดการขยะในพื้นที่บ่อฝังกลบขยะที่อยู่ในความดูแลของเทศบาลให้ดีที่สุด
รวมถึงคิดแผนดำเนินการขยะติดเชื้อ
เฉพาะในเขตเทศบาลนครลำปางมากำจัดอย่างถูกวิธีต่อไป” นายกิตติภูมิ กล่าว
ส่วนกรณีการทำประชาคมหมู่บ้านนั้น นายกิตติภูมิ กล่าวว่า เริ่มแรกโครงการดังกล่าวได้รับการประสานงานจากส่วนกลาง
เพื่อรองรับโครงการเตาเผาขยะติดเชื้อ มีกำลังรองรับขยะได้ 13
จังหวัดภาคเหนือ แต่วิธีการต่างๆของการนำขยะเข้ามากำจัด
มีระเบียบและกฎหมายควบคุมอยู่ ไม่สามารถลักลอบนำเข้ามาได้ โดยก่อนที่จะทำบันทึกข้อตกลง
แบบแปลนทั้งหมดเป็นแบบแปลนตามแนวทางของกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนี้ดำเนินการอยู่ที่
จ.นนทบุรี และ จ.อุดรธานี
หลังจากนั้นทางส่วนกลางได้ลงมาในพื้นที่มาทำการประชาคมเอง
และส่งเอกสารทั้งหมด โดยมีผู้นำคนหนึ่งนำเข้าไปในพื้นที่เพื่อทำประชาคม อาจจะเป็นการทำในส่วนคนกลุ่มเล็ก ทั้งการทำประชาคม
และการทำบันทึกข้อตกลงเป็นจุดเริ่มต้นของการรวบรวมข้อมูลเอกสาร เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณ แต่ตอนนี้เอกสารทั้งหมดยังไม่ถูกนำเสนอเข้าไป หลังจากนี้จะถอนเอกสารทั้งหมดนำกลับคืนสู่เทศบาล
เพื่อรวบรวมเอกสารทั้งหมดเก็บไว้เพื่อการศึกษาเท่านั้น
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1130 วันที่ 26 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น