เมื่อเวลา 13.30น.วันที่ 14 มิ.ย.60
ที่ห้องรับรองสนามบินลำปาง นายสมวุฒิชัย เสาวโกมุท
รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางพร้อมด้วย นางเพ็ญจันทร์ บุญฮก จัดหางานจังหวัดลำปาง
นางกรพินธุ์ วงศ์เจริญ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุยษ์จังหวัดลำปาง พ.ต.อ.พีระ
เต็มแย้ม รองผบก.ภ.จว.ลำปาง รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง และญาติๆ
มารอต้อนรับสองแรงงานไทยที่ถูกลอยแพในประเทศจีน
คือ น.ส.อรนิตย์ อินต๊ะ อายุ 47 ปี ชาวบ้าน บ้านอุมลอง ม.19 ต.สมัย อ.สบปราบ
จ.ลำปาง และน.ส.แสงจันทร์ บุญหวัง อายุ 43 ปี ชาวบ้านโป่งหลวง ม.15 ต.บ้านเอื้อม อ.เมือง
จ.ลำปาง โดยทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดฯได้มีการตั้งโต๊ะเปิดแถลงข่าวและให้สื่อมวลชนทุกแขนงซักถามนางอรนิตย์
และนางแสงจันทร์ ได้อย่างเต็มที่
ซึ่งทั้งสองคนก็ร่วมกันเปิดเผยว่า
ก่อนหน้านั้นได้ไปรู้จักกับนายหน้าชื่อนางเรวดี ตั้งกิจสมบัติ
ที่มาชักชวนให้ไปทำงานในร้านสปานวดแผนไทย ในเมืองเทียนจิน ประเทศจีน ตั้งแต่เดื่อน
ก.ย. 2559 โดยใช้วีซ่าเดินทางเข้าไปในนามของนักท่องเที่ยวซึ่งจะอยู่ได้นานถึง 90
วัน และยังยืนยันอีกว่าทางเจ้าของร้านสปาในเมืองเทียนจิน
จะเป็นผู้ต่อวีซ่าให้หากวีซ่าหมดอายุแต่ทั้งสองคนจะต้องเสียค่าบริการ
ค่าเดินทางให้กับนางเรวดีคนละ 15,000 บาท และหากเดินทางไปถึงเมืองเทียนจินแล้วจะต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับเอเย่นต์ปลายทางอีกคนละ
15,000 บาท รวมทั้งยังจะต้องจ่ายค่าประกันสัญญาจ้างใว้กับนายจ้างอีกคนละ 30,000
บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 60,000 บาท
และเมื่อเข้างานแล้วก็จะได้รับค่าจ้างเดือนละ 6,000 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ
30,000 บาท ต่อเดือน ซึ่งทั้งสองคนก็ตกลงเพราะต้องการหางานที่มีรายได้ดีๆทำ
หลังตกลงจึงร่วมเดินทางไปกับนางเรวดีโดยมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งร่วมเดินทางไปทำงานในที่เดียวกันด้วย
เมื่อไปถึงและเข้าทำงานเป็นวันแรกจึงได้รู้ว่า ยังมีกลุ่มหญิงไทยอีก 7
ที่มาจากจังหวัดต่างๆในประเทศไทยที่เดินทางมาทำงานที่ร้านดังกล่าวด้วยวิธีเดียวกันนี้รวมทั้งตนเองด้วย
รวม 10 พอดี จากนั้นทางนายจ้างได้มาขอเก็บพาสปอร์ตเอาไว้เองทั้งหมด
โดยอ้างว่าจะเก็บเอาไว้ไปต่อวีซ่าให้เมื่อครบกำหนด
ซึ่งทั้งหมดก็ทำงานและรับเงินเดือนตามที่ได้ตกลงกันไว้ทุกประการ แต่ต้องหักเป็นค่าประกันให้กับทางร้านคนละ
2,000 หยวนต่อเดือนจนกว่าจะครบ 30,000 บาท ตามที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งทุกคนก็พอใจและทำงานมาได้จนครบ
10 เดือน ยกเว้นเดือนทุดท้ายที่ยังไม่ได้รับค่าจ้าง อีกทั้งนายจ้างยังได้นำพาสปอร์ตของทุกคนมาคืนให้
โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถที่จะต่อวีซ่าให้ได้
เนื่องจากลูกจ้างทั้งสิบคนไม่มีหนังสือรับรองจากกรมแรงงานของประเทศไทย
และทางนายจ้างยังได้บอกว่าจะหยุดกิจการร้านสปาอีกด้วย ทำให้ทั้งหมดต้องกลายเป็นคนหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายไปในทันที
ทุกคนจึงเกิดความหวาดกลัวว่าจะถูกทางการจีนจับกุมตัวและถูกลงโทษ และทางร้านยังได้พยายามติดต่อให้นางเรวดีมาเจรจากับกลุ่มคนงานทั้งสิบคนเพื่อแก้ปัญหาแต่ก็ไม่เดินทางมาหา
เพียงแต่ได้แจ้งผ่านล่ามว่า หากทุกคนต้องการเดินทางกลับประเทศไทย
ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ทั้งการเดินเรื่องขอวีซ่าด้วยตัวเอง ค่าผ่านด่าน
ตม.ค่าตั๋วเครื่องบินซึ่งเป็นเงินประมาณประมาณ 10,000 หยวน (กว่า 50,000
บาท)จากนั้น แต่ทุกคนก็ไม่มีเงินพอ
ทั้ง
น.ส. อรนิตย์ และ น.ส.แสงจันทร์ ยังได้เล่าต่ออีกว่า เมื่อได้รับการปฏิเสธจากนายหน้าคนไทยแล้ว
นางอรนิตย์ จึงใช้สื่อโซเชียลส่งขอความมาขอความช่วยเหลือจากนายอนุพงษ์ ตาจินะ
ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานชาย ให้หาทางช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 12มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้
ทางผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางร่วมกับ สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เข้าให้มาให้ความช่วยเหลือ โดยเร่งประสานงานกระทรวงแรงงานระหว่างประเทศ
ให้เข้าตรวจสอบ ทำการสอบสวนปากคำผู้เสียหายทั้ง 10 ราย
จากนั้นจึงประสานกับสถานเอกราชฑูต ณ กรุงปักกิ่ง
เข้าให้ความช่วยเหลือแรงานทั้งหมดโดยใช้เงินในกองทุนเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากในต่างแดน
เป็นค่าใช้จ่ายเดินทางกลับปะเทศ ซึ่งต้องใช้เงินจำนวน 61,985 บาทต่อคน
และทั้งหมดได้เดินทางมาถึงสนามบินสุวรณภูมิ เมื่อกลางดึกของวันที่ 14
มิ.ย.และเดินทางต่อมายังบ้านเกิดที่ จ.ลำปาง ดังกล่าว
ส่วนการดำเนินการทางกฎหมายกับนายหน้าจัดหางานนั้น
ทางผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับเรื่องร้องทุกข์เอาไว้แล้ว
และจะได้เร่งติดตามตัวนางเรวดี นายหน้าผิดกฎหมายมาดำเนินคดี ตาม
พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนงาน พ.ศ.2528 แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 30
ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี หรือโทษปรับตั้งแต่ 6หมื่นถึง 2 แสนบาท
ด้าน
นางเพ็ญจันทร์ บุญฮก จัดหางานจังหวัดลำปาง กล่าวว่า ขณะที่ทางส่วนที่เกี่ยวข้องได้
แจ้งความร้องทุกข์แก่นายหน้าที่เป็นคนไทย ที่ชักชวนแรงงานทั้งหมดนี้ไว้แล้ว
เพื่อที่จะเร่งดำเนินการตามกฎหมายไทยต่อไป
พร้อมกับแจ้งเตือนคนที่กำลังคิดจะไปทำงานต่างประเทศ ให้ ลงทะเบียน
กับกรมการจัดหางาน ก่อนจะไปทำงานที่ต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมระบุ
หากประสงค์เดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตนเอง ต้องประสานกับนายจ้างต่างประเทศ
ทำสัญญาจ้างงาน โดยต้องมีสถานทูตรองรับ พร้อมแจ้งลงทะเบียนกับสำนักงานจัดหางาน
ล่วงหน้าอย่างน้อย 15
วัน หากไปแบบผิดกฎหมาย และเมื่อถูกจับกุมได้อาจถูกกฎหมายประเทศนั้นลงโทษอย่างหนักเช่นกัน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1133 วันที่ 16 -22 มิถุนายน 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น